listen live
Birthday
KATY PERRY
NEXT :
Will You Wait For Me - KAVANA
PREV :
Invincible - from Kaiju No.8 - ONEREP...
/ NEWS /

บุกหลังเวที! ส่องฟันเฟืองเบื้องหลังความยิ่งใหญ่ของ 'เดอะ ไลอ้อน คิง' มิวสิคัล อันดับ 1 ก่อนเปิดม่านแสดงจริง 14 ก.ย.นี้ เป็นต้นไป

Jun 06, 2019 / ดู 1,781 ครั้ง

เรื่องราวสุดคลาสสิคที่ประทับใจผู้ชมตลอดกาลนับตั้งแต่ภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่ออกฉายในปี1994 สู่ละครเวทีสุดอลังการที่ตราตรึงใจผู้ชมในปี 1997 ณ วันนี้ เดอะ ไลอ้อน คิงคือมิวสิคัล อันดับ1ของโลก ที่โลดแล่นเปิดการแสดงสะกดสายตาผู้ชมทั่วโลกมาแล้วกว่า 21ปี มีผู้ชมมากกว่า100 ล้านคน และยังคงเดินหน้าเปิดการแสดงไปทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง 
 
 
หัวใจหลักแห่งความสำเร็จของมิวสิคัลเรื่องนี้ คือ วิธีการถ่ายทอดเรื่องราวความประทับใจจากภาพยนตร์แอนิเมชั่นสู่การแสดงบนเวที โดยฝีมืออันน่ายกย่องของทีมงานที่สามารถเนรมิตเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ในทุ่งสะวันนาให้มีชีวิตชีวาออกมาโลดแล่นอยู่บนเวที ผ่านการสวมบทบาทของบรรดานักแสดงมากฝีมือที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวสำคัญให้ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ 
 
แต่ก่อนที่ชาวไทยจะได้สัมผัสความยิ่งใหญ่ของ เดอะ ไลอ้อน คิง มิวสิคัล ในเดือนกันยายนนี้ ที่โรงละคร เมืองไทยรัชดาลัย เธียร์เตอร์  เราขอพาไปรู้จักฟันเฟืองสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของมิวสิคัลเรื่องนี้
 
โอมาร์ โรดริเกรซ(Omar Rodriguez)ผู้กำกับการแสดงได้อธิบายภาพรวมว่า “ผู้ชมจะได้เห็นนักแสดงที่มาพร้อมหน้ากากและหุ่นเชิดโดยนักแสดงจะถ่ายทอดความเป็นมนุษย์ให้กับตัวละครส่วนหุ่นเชิดจะทำให้ผู้ชมได้เห็นในส่วนที่เป็นสัตว์ในการแสดงผู้ชมจะได้เห็นทั้งสองด้านเสมอมันคือเอกลักษณ์โดดเด่นที่ทำให้ เดอะ ไลอ้อน คิง แตกต่างจากละครเวทีเรื่องอื่นๆ”
 
 
ทิม ลูคัส (Tim Lucas) หัวหน้าฝ่ายหน้ากากและหุ่น กล่าวว่า “การแสดงชุดนี้ ใช้หุ่นทั้งหมด 250 ชิ้น ทั้งที่เป็นหุ่นมือ หุ่นเชิด และหุ่นเงา ซึ่งควบคุมโดยตัวนักแสดงเอง รวมถึงหน้ากากที่นักแสดงสวมไว้บนหัวด้วยโดยมีหุ่นที่หนักที่สุดคือพุมบ้า (Pumbaa) ซึ่งมีน้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัม และยังมีหุ่นที่ใหญ่ที่สุด คือ เบอร์ธา (Bertha) ช้างตัวใหญ่ที่ต้องใช้คนเชิดถึง4 คนในส่วนของหน้ากากนั้น ก็ทำมาจากเส้นใยคาร์บอน และขนสัตว์จริงๆ เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ 
 
 
โอมาร์โรดริเกรซกล่าวเสริมว่า “ในการออกแบบหน้ากากของมุฟาซา(Mufasa) ราชาแห่งผืนป่า จะเป็นรูปทรงกลมที่มีความสมมาตรซึ่งแสดงถึงมงกุฏของเขาด้วย เพราะเขาเป็นราชา นอกจากนั้นยังมี สการ์(Scar)ผู้เป็นน้องชาย หน้ากากของเขาใช้รูปทรงที่ไม่สมมาตร ผู้ชมจะเห็นได้ว่ามันมีหลายเหลี่ยมมากซึ่งแสดงให้เห็นถึงบุคลิกที่แปลกแยกของเขาทั้งความเสียใจ วิธีการเคลื่อนไหวที่เหมือนงู และเขาก็มีพฤติกรรมแบบนั้นด้วย อีกทั้งยังมี ซาราบิ(Sarabi) ราชินี รวมถึงเจ้าชาย ซิมบ้า (Simba) ที่เราจะเห็นในฉากเปิดของการแสดง ซึ่งเป็นหุ่นที่มีกลไกพิเศษทำให้หัว แขนและขาขยับได้ นอกจากนี้ ซาซู (Zazu) ก็เป็นหนึ่งในตัวละครที่มีกลไกที่ซับซ้อนที่สุดของการแสดงโดยใช้มือขวาควบคุมตา จงอยปาก หัว และคอ มือซ้ายควบคุมปีก ซึ่งนักแสดงจะเชื่อมโยงกับหุ่นเสมอเพื่อให้ดูสมจริงและมีชีวิต”
 
 
นอกจากในส่วนของหน้ากากและหุ่นเชิดแล้ว อีกทีมหนึ่งที่มีส่วนสำคัญในการสร้างสีสันให้การแสดง คือ ทีมช่างทำผมและช่างแต่งหน้า โดย เฮทเธอร์ - เจ รอส (Heather - Jay Ross)หัวหน้าฝ่ายช่างทำผมและแต่งหน้าได้เล่าให้ฟังว่า 
 
“ก่อนเริ่มการแสดง เรามีนักแสดงหลักที่ต้องแต่งหน้า 4 คน รวมนาล่า(Nala) และซิมบ้า(Simba) ตอนเด็กด้วย รวมเป็น 6 คน นอกจากนี้ ยังมีนักแสดงประกอบที่เราต้องทำลวดลายบนตัวให้ทุกคนด้วย หลังองก์แรกเล่นไปได้ครึ่งหนึ่ง เราจะต้องแต่งหน้านักแสดงหลักอีก 4 คน เพื่อเตรียมแสดงในองก์ที่ 2 ดังนั้นนักแสดงหลักที่จะต้องแต่งรวมทั้งหมด 10 คน ซึ่งค่อนข้างใช้เวลา สำหรับนักแสดงประกอบเราจะทำการแปลงโฉมอย่างรวดเร็ว บางคนใช้เวลาประมาณ 5 นาทีก่อนเริ่มแสดง บางคนใช้เวลา 10-30 วินาทีเท่านั้น 
 
 
สำหรับคนที่ต้องใช้เวลาแต่งนานที่สุดคือ ซาซู (Zazu) เพราะเราต้องใส่วิกและหมวกด้วย เราต้องแต่งส่วนหูและหลังคอให้เสร็จและในทางเทคนิคแล้วมันเป็นการแต่งหน้าที่ยากที่สุดด้วยเพราะการเกลี่ยเครื่องสำอางค์นั้น     มันพลาดได้ง่ายมากเมื่อสีน้ำเงินผสมกับสีขาวตรงนั้นจะกลายเป็นพื้นที่หายนะทันทีเป็นงานที่ใช้เทคนิคเยอะที่สุด ในเวลาที่น้อยมากการแต่งหน้าสการ์(Scar) ก็เช่นกัน เพราะเขามีองค์ประกอบและส่วนต่างๆ เยอะมาก ทั้งคิ้วและการเกลี่ยเบส นั่นคือการแต่งหน้าที่ยากจริงๆ สิ่งที่ทุกคนจดจำจากการแสดงคือการแต่งหน้าของสการ์เพราะมันโดดเด่นมาก ส่วนการแต่งหน้า ราฟิกิ (Rafiki) จริงๆ ตัวละครในแอนิเมชั่นจะเป็นชาย แต่ในการแสดงนี้เป็นตัวละครหญิง เราจึงมีการใช้อายไลเนอร์ลิปสติกและแต่งหน้าโดยอิงจากคอนเซ็ปต์ใหม่ของตัวละครสำหรับละครเวทีเรื่องนี้โดยเฉพาะ

นักแสดงนำคือหัวใจหลักที่ถ่ายทอดเรื่องราว ความรู้สึก และสื่ออารมณ์ของตัวละครไปสู่ผู้ชมสำหรับนักแสดงเดอะ ไลอ้อน คิงพวกเขาต้องฝึกซ้อมอย่างหนัก ไม่ใช่แค่เรื่องแสดงและร้องเพลงเท่านั้น แต่พวกเขาต้องทำความคุ้นเคยและเรียนรู้การเชิดหุ่น ซึ่งเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก และต้องใช้เวลาในการฝึกฝนค่อนข้างนานเพื่อให้นักแสดงเป็นหนึ่งเดียวกับตัวละครนั้นๆ ที่ไม่ใช่แค่คนกับหุ่นหรือหน้ากาก แต่เป็นตัวละครตัวนั้นจริงๆ
 
นิค เมอร์เซอร์ (Nick Mercer) ผู้รับบท ทีโมน (Timon) เมียร์แคทผู้แสนเฉลียวฉลาด ในการแสดงเดอะ ไลอ้อนคิงเขาต้องใช้ความสามารถทั้งการแสดง การร้อง และการเชิดหุ่นที่ทำให้ตัวเขาและหุ่นกลมกลืน เป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งเขาสามารถถ่ายทอดบทบาทของตัวละครทีโมนออกมาได้อย่างชัดเจน ทำให้ผู้ชมสนุกและหัวเราะไปกับเขาได้ตลอดการแสดง นิค กล่าวว่า “ผมเล่นเป็นทีโมนมาแล้วถึง 6 ปี แสดงมาแล้วมากกว่า 2,500 รอบ ผมรักในการแสดง ผมดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของละครเวทีเรื่องนี้ และมีความสุขมากที่ได้สัมผัสกับคนดูได้ออกไปแสดงให้พวกเขาได้ชมในทุกๆ สัปดาห์ มันไม่เคยเก่าเลยสำหรับผม ผมคิดว่านี่คือจุดแข็งของละครเวทีเรื่องนี้ มันคือความมหัศจรรย์ ซึ่งมันแตกต่างจากแอนิเมชั่นอย่างสิ้นเชิง และไม่มีละครเวทีเรื่องไหนโดดเด่นเหมือน เดอะ ไลอ้อน คิง”
 
 
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเบื้องหลังความยิ่งใหญ่ของละครเวที เดอะ ไลอ้อน คิง(THE LION KING)เท่านั้นห้ามพลาด กับสุดยอดการแสดงที่ทั่วโลกรอคอย ไปร่วมพิสูจน์ด้วยตัวเองได้ตั้งแต่วันที่ 14 กันยายนนี้เป็นต้นไปที่ โรงละคร เมืองไทยรัชดาลัย เธียร์เตอร์ สามารถซื้อบัตรได้ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา หรือ www.thaiticketmajor.com สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 0-2262-3838
 




.:: ข่าวอื่นๆ