นับตั้งแต่ปล่อยอัลบั้มเดบิวท์ Sigh No More ในปี 2009 วงร็อคจากเกาะอังกฤษที่โดดเด่น ด้านการผสมผสานแนวดนตรีโฟล์คเข้ากับร็อค Mumford & Sons ไม่เคยหยุดพัฒนาเพลง และแนวดนตรีของตัวเอง ปี 2019 นี้ถือเป็นฤกษ์งามยามดี เพราะนอกจากจะเป็นการครบรอบ 10 ปี ของอัลบั้มที่เบิกทางสู่สายงานดนตรีให้พวกเขาแล้ว นี่ยังเป็นครั้งแรกที่ Mumford & Sons จะเดินทางมาเปิดคอนเสิร์ตที่ประเทศไทยพอดิบพอดี!
เพื่อเฉลิมฉลองอายุครบ 10ปี ของอัลบั้มเดบิวท์ Sigh No More เรามาทำความรู้จักวงดนตรี สุดติสท์นี้ให้มากขึ้น กับ 10เรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Mumford & Sons กันดีกว่า
1. Mumford & Sons ไม่ใช่วงดนตรีครอบครัว
แม้ว่าชื่อวงดนตรีจะแปลกันตรงๆ ว่า มัมฟอร์ด และ ลูกชาย แต่สมาชิกในวงอย่าง มาร์คัส มัมฟอร์ด (Marcus Mumford) เบน โลเว็ตต์ (Ben Lovett) วินสตัน มาร์แชล (Winston Marshall) และเท็ด ดเวนย์ (Ted Dwane)ก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบพ่อลูกกันนะ ที่ตั้งแบบนี้เพราะในตอนแรก มาร์คัส มัมฟอร์ด เป็นสมาชิกที่ป๊อปปูลาร์ที่สุด พวกเขาเลยเลือกใช้นามสกุลของมาร์คัสมาตั้ง ก่อนที่ เบน จะเสนอคำว่า Sons เพิ่มขึ้นมา เพื่อสื่อความหมายว่านี่คือธุรกิจในครอบครัว อย่างไรก็ตาม ในภายหลัง มาร์คัสเคยให้สัมภาษณ์ว่า เขาเสียใจที่ตั้งชื่อวงแบบนั้น “คุณจะไม่ได้คิดถึงความสำคัญของชื่ออย่างถี่ถ้วนเท่าไรตอนที่คุณอยู่ในผับ”
2. ลงขันออกเงินทำอัลบั้มเอง ไม่สนใจค่ายเพลง
ตอนที่ Mumford & Sonsตัดสินใจจะทำอัลบั้มแรกด้วยกัน พวกเขาไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อ เครื่องดนตรีของตัวเองด้วยซ้ำ แต่พวกเขาก็เลือกจะเสี่ยงกับการเดิมพันครั้งนี้ จนอัลบั้มที่เรารู้จักกัน ในชื่อ Sigh No More ถูกคลอดออกมา ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องที่ดีกับแฟนเพลงมากกว่าก็ได้ เพราะการลงทุนด้วยตัวเองทำให้ Mumford & Sons สามารถตัดสินใจทุกเรื่องเกี่ยวกับแนวเพลงและการโปรดิวซ์ได้อย่างเต็มที่
3. แฟนพันธุ์แท้เชกสเปียร์
เป็นที่รู้กันดีว่า Mumford & Sonsรักและหลงใหลในวรรณกรรมมาก อัลบั้ม Sigh No More ได้รับอิทธิพลจากวรรณกรรมของนักเขียนหลายคน ไม่ว่าจะเป็น Homer, Plato, John Steinbeck ถึงขนาดที่ว่าชื่ออัลบั้ม Sigh No More เองก็เป็นประโยคที่อ้างมาจากวรรณกรรมของ Shakespeareเรื่อง Much Ado About Nothing และในซิงเกิ้ลชื่อเดียวกันก็มีการยกประโยคจากวรรณกรรมข้างต้น ถึง 6ครั้ง ยังไม่รวมเพลงอื่นในอัลบั้มที่ยกประโยคมาจากวรรณกรรมของ Shakespeare เช่นเดียวกัน
4. สร้างชื่อบนเวทีแกรมมี่
Mumford & Sonsได้รับเสียงชื่นชมจากสื่อและแฟนเพลงตั้งแต่ที่ปล่อยอัลบั้ม Sigh No More ออกมา แต่ตอนที่พวกเขามีโอกาสได้ขึ้นเวทีแกรมมี่และเล่นดนตรีกับ TheAvett Brothers และ Bob Dylan ในปี 2011 ชื่อของพวกเขาได้กลายเป็นอีกชื่อที่ทุกคนรู้จัก
5. ความสำเร็จของ Babel
หลังจากได้รับการตอบรับที่ดีกับอัลบั้ม Sigh No More ในปี 2012 สมาชิก Mumford & Sons ก็ปล่อยอัลบั้มที่เป็นตำนาน ซึ่งเรารู้จักกันในชื่อ Babel นอกจากจะเดบิวท์เป็นอันดับที่ 1 บนชาร์ท ของสหราชอาณาจักรและอเมริกาแล้ว มันยังเป็นอัลบั้มขายดีแห่งปีของสหราชอาณาจักรด้วย โดยขายไปได้มากกว่าล้านชุดทั่วโลก
6. สร้างสถิติบนสตรีมมิ่ง
อัลบั้ม Babel มียอดการสตรีมมิ่งบน Spotify สูงกว่า 8ล้านครั้ง ในอาทิตย์แรกที่ปล่อยออกมา นับว่าเป็นก้าวกระโดดที่ใหญ่มาก สำหรับวงโฟล์คร็อคที่เริ่มต้นจากการออกเงินทำอัลบั้มด้วยตนเอง
ที่มาภาพ: Christopher Polk/ Christopher Polk/ Getty
7. มาร์คัสแต่งงานกับเพื่อนทางจดหมายสมัยเด็ก
มาร์คัส มัมฟอร์ด คบหาดูใจก่อนจะตกลงแต่งงานกับ Carey Mulligan นักแสดงสาวจาก The Great Gasby ในปี 2012 โดยที่ทั้งคู่เคยเป็นเพื่อนทางจดหมาย (Pen Pal) ในสมัยเด็ก และภายหลังห่างหายกันไป สิ่งที่พิเศษยิ่งกว่าคือ คนที่แนะนำให้ทั้งคู่กลับมารู้จักกันอีกครั้งกลับเป็นนักแสดงหนุ่มชื่อดัง เจค จิลเลนฮาล (Jake Gyllenhaal) เรียกว่าเป็นเหตุการณ์โลกกลมกับพรหมลิขิตจริงๆ
8. ขึ้นแสดง ณ ทำเนียบขาว
ในปี 2012Mumford & Sons ถูกเชิญให้ขึ้นแสดงบนเวทีในทำเนียบขาว ต่อหน้าอดีตนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ เดวิด คาเมรอน (David Cameron) และอดีตประธานาธิบดีสหรัฐ บารัค โอบามา (Barack Obama)
9. ออกทัวร์บนรถไฟ
ในปี 2011Mumford & Sons ออกทัวร์ร่วมกับวงดนตรีอีก 2 วง ได้แก่ Old Crow Medicine Show และ Edward Sharpe and the Magnetic Zerosแต่สิ่งที่ทำให้ทัวร์ครั้งนี้กลายเป็นทัวร์สุดแสนพิเศษ มันเกิดจากการที่เหล่านักดนตรีทั้งหลายตัดสินใจจะออกทัวร์บนรางรถไฟเป็นครั้งแรก และครั้งสุดท้ายกับ Railroad Revival Tour พวกเขาเริ่มต้นที่รัฐแคลิฟอร์เนีย เดินทางด้วยรถรางรุ่นคลาสสิคสไตล์ยุค 50-60 จนมาถึงรัฐลุยเซียนา โดยตลอดทางพวกเขาได้บันทึกภาพทั้งหมดไว้ ในสารคดีชื่อว่า Big Easy Expressและคว้ารางวัลแกรมมี่ สาขามิวสิควิดีโอรูปแบบยาวยอดเยี่ยมในปี 2013 ไปครองได้สำเร็จ
10. ส่ง Delta ทวงบัลลังก์
ในปี 2018 วง Mumford & Sons ได้ปล่อยอัลบั้มชุดที่ 4Delta ออกมา ซึ่งนอกจากจะได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากแฟนเพลงแล้ว ผลงานชุดนี้ยังส่งพวกเขาเจาะทะลุชาร์ท ขึ้นไปครองอันดับ 1 บนชาร์ทบิลบอร์ด 200 ได้สำเร็จด้วย
คอนเสิร์ตในเมืองไทยครั้งแรกของพวกเขา“Mumford & SonsLive in Bangkok”กำลังจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ที่จีเอ็มเอ็ม ไลฟ์ เฮาส์ ชั้น 8 เซ็นทรัลเวิลด์ บัตรราคาเริ่มต้น 1,800 บาท คอเพลงไม่ควรพลาด ซื้อบัตรได้ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา หรือคลิ๊ก www.thaiticketmajor.com สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 0-2262-3838