listen live


NEXT :
PREV :
/ NEWS /

สัมภาษณ์พิเศษ Dru Chen นักดนตรีอินดี้ป็อบหนุ่มจากสิงคโปร์ เจ้าของอัลบั้ม 'Slow Life' ที่ละลายหัวใจแฟนๆ ทั่วเอเชีย

Jan 25, 2022 / ดู 1,241 ครั้ง

Dru Chen  (ดรูเฉิน) นักดนตรีแนวอินดี้ป็อบหนุ่มจากประเทศสิงคโปร์ ที่เพิ่งเปิดตัวอัลบั้มใหม่ ‘Slow Life’ เมื่อไม่นานมานี้ พร้อมซิงเกิล “Summertime”, “Our Story”, “Eiffel Towe” และ “Lost” ได้แวะมาทักทายแฟนๆ ชาวไทยผ่านบทสัมภาษณ์สุดเอ็กคลูซีฟกับ Eazy FM 105.5 พร้อมพูดถึงการทำงานในรอบปีที่ผ่านมา แรงบันดาลใจสำคัญ และเรื่องราวที่น่าสนใจอีกมากมาย

สวัสดีครับ Dru Chen (ดรูเฉิน) ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ?

- สวัสดีครับ Eazy FM! ผมสบายดีมากเลยครับ ขอบคุณนะครับ

ช่วยพูดถึงซิงเกิล “La Di Da” ให้ฟังกันหน่อยครับ

- เพลง “La Di Da” เป็นเพลงที่เกี่ยวกับช่วงเวลาที่คุณกำลังรู้สึกแย่ เพลงนี้จะช่วยโอบกอดคุณให้คุณรู้สึกสบายใจ มองเห็นสิ่งต่างๆ ในชีวิต ผมอยากให้คุณได้ลองเดินช้าลง หายใจเข้าลึกๆ สนุกกับชีวิตแม้จะมีความท้าทาย ผมเชื่อว่าเสียงเพลงจะช่วยให้ทุกคนมีความสุขขึ้นครับ!
 


ปกติแล้วกิจวัตรประจำวันของคุณแต่ละวันทำอะไรบ้าง?

- บางวันผมเริ่มต้นเช้าวันใหม่ตั้งแต่ตี 5.30 น. ผมชอบความสงบในตอนเช้าที่ยังไม่สว่าง มันช่วยให้ผมสามารถจัดการเรื่องต่างๆ ของผมออกมาได้เลยครับ เพราะผมไม่ได้ทำงานเพลงอย่างเดียว ผมยังเป็นครูด้วยครับ ปกติเวลาเลิกงานผมก็จะชอบไปยิมหรือเล่นบาสเก็ตบอล การออกกำลังกายที่ได้เหงื่อช่วยให้ชีวิตสดชึ่นขึ้นมากครับ และก็ส่วนใหญ่ผมจะใช้เวลากับแฟนกับแมวของเราครับ

เมื่อไม่นานมานี้ คุณปล่อยอัลบั้ม ‘Slow Life’ ออกมา อะไรคือจุดเด่นของอัลบั้มนี้?

- จุดเด่นอัลบั้ม ‘Slow Life’ คืออัลบั้มนี้มีเป็นการที่ผมได้ร่วมงานร่วมกับศิลปินหลายคนอย่าง Rangga Jones ในเพลง “Summertime”, ศิลปิน Gentle Bones ในเพลง “La Di Da” นอกจากนี้ยังมี JZlee โปรดิวเซอร์ชาวจีน แล้วก็เพื่อนสนิทของผม Jesse Bear, Paul McMurray และ Nick Kodonas มาช่วยมิกซ์/มาสเตอร์ให้ ดังนั้นผมจึงบอกได้เลยว่ามันเป็นสิ่งที่คุ้มค่ามากเลยครับ

อัลบั้มนี้ยังได้จัดคอนเสิร์ตเปิดตัวที่ Esplanade Concert Hall ด้วยครับ โดยการแสดงนั้นก็จัดการโดย Dex Wong และ Amelia Amari จาก LINCH โดยร่วมมือกับ Yung Lee Records ครับ เรียกได้ว่าคอนเสิร์ตนี้เป็นการแสดงในสถานที่ที่ใหญ่ที่สุดที่ผมเคยแสดงมาเลย และมันก็ยอดเยี่ยมมากที่ได้กลับมาเล่นอคนเสิร์ตอีกครั้งหลังจากไม่ได้แสดงมา 2 ปี
 


ในความคิดของคุณแล้ว คุณคิดว่าวงการเพลงเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง?

-  ในความคิดผม ผมมองว่าโลกของเรามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แล้วถ้าเป็นเรื่องของวงการเพลงมันได้เข้าสู่ไปยังโลกออนไลน์หมดแล้ว การทำคอนเท้นของศิลปินแต่ละคนมันช่างสร้างสรรค์และน่าสนใจมากๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย ทั้งบน Instagram และ TikTok คนในยุคนี้ถือว่าโชคดีมากครับ หากเทียบกับเมื่อ 12 ปีที่แล้วการจะสร้างฐานแฟนเพลงหรือการเผยแพร่เพลงของคุณ คุณต้องไปแสดงโชว์ที่ต่างๆ

อะไรคือสิ่งทำให้ที่คุณโดดเด่น?

- ผมได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิดในการเป็น "นักประวัติศาสตร์ทางดนตรี" ของ George Clinton ซึ่งผมได้มีโอกาสไปอ่านเจอบทสัมภาษณ์ของเขาใน Rolling Stone เมื่อเร็วๆ มานี้ เป็นการพูดถึงการนำองค์ประกอบต่างๆ มาสู่แนวเพลง รวมถึงยุคต่างๆ ของดนตรี ยกตัวอย่างเพลง “Slumber” จากอัลบั้ม ‘Mirror Work’ ของผมได้รับแรงบันดาลใจอย่างมากจากการบันทึกเสียงแจ๊สของเพลงแจ๊สในปี 1960 การเรียบเรียง Chok Kerong ที่น่าทึ่งที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Jimmie Haskell หรือ Clare Fischer มันเป็นเสียงที่เป็นเอกลักษณ์จริงๆ และเพลง “Eiffel Tower” จากอัลบั้ม ‘Slow Life’ ที่ผมได้แรงบันดาบใจมากจาก Jimi Hendrix วิธีการเล่นเสียงของกีตาร์ และองค์ประกอบที่ฟังแล้วมันช่างชวนให้เคลิบเคลิ้มซะเหลือเกินครับ
 


คุณได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับตัวเองบ้างไหมในปี 2021 ที่ผ่านมา และในปีนี้คุณมีแผนการอะไรไว้บ้าง?

- เป็นปีที่ผมได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ทั้งเรื่องของการพัฒนาตัวเอง และความมุ่งมั่นในแบบที่ผมเป็น หรือพูดอีกอย่างก็คือ ผมได้เรียนรู้การเห็นถึงพลังงานศักยภาพของตัวเองเพื่อที่จะเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น ส่วนในปีนี้ผมก็ตั้งใจว่าจะมุ่งมั่นด้านดนตรีให้กล้าที่จะทำสิ่งใหม่ๆ มากขึ้นครับ

คำถามสุดท้าย อยากฝากอะไรถึงแฟนเพลงชาวไทย?

- ขอบคุณแฟนเพลงที่เปิดโอกาสมาฟังผลงานเพลงของผม กับความรักของพวกคุณ ผมหวังว่าสักวันหนึ่งผมจะได้มีโอกาสไปเยี่ยมประเทศที่สวยงามของคุณ ได้ใช้เวลากับคุณ และได้แสดงดนตรีที่นั่นสักครั้ง!
 





.:: ข่าวอื่นๆ