ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว ที่วงป็อบร็อกชื่อดังจากอเมริกา OneRepublic จะกลับมามอบความสนุกให้กับแฟนๆ ชาวไทยอีกครั้งในคอนเสิร์ตครั้งใหม่ ‘OneRepublic Live in Concert – Bangkok’ ในวันที่ 3 มีนาคมนี้ ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี แต่ก่อนที่จะไปฟังทุกเพลงฮิตของพวกเขาแบบจัดเต็ม เรามีบทสัมภาษณ์สุดเอ็กคลูซีฟจากฟรอนต์แมนมากความสามารถอย่าง Ryan Tedder ที่มาพูดคุยถึงการทำงานในช่วงปีที่ผ่านมา สิ่งที่แฟนๆ สามารถคาดหวังได้จากโชว์ ความประทับใจที่เขามีต่อเมืองไทย รวมถึงแผนการอันน่าตื่นเต้นหลังจากจบทัวร์ในครั้งนี้ และอีกมากมาย
ผ่านมากว่า 3 ปีที่แล้วที่ OneRepublic มาเล่นคอนเสิร์ตครั้งล่าสุดในไทย อยากทราบว่าคุณมีความทรงจำที่น่าประทับใจอะไรเกี่ยวกับกรุงเทพฯ บ้าง?
กรุงเทพฯ เป็นเมืองเปลี่ยนแปลงชีวิตผมไปเลยครับ มันน่าตื่นตาตื่นใจมากๆ โมเมนต์ที่ทำให้ผมตกหลุมรักกรุงเทพฯ น่าจะเป็นทริปครั้งที่สามของผม เพราะผมได้ค้นพบไชน่าทาว์ย่านเมืองเก่า บาร์เจ๋งๆ สถานบันเทิงยามค่ำคืน และร้านอาหารหลายแห่ง ผมคิดว่าความทรงจำที่น่าประทับใจที่สุดคือตอนที่ผมรู้สึกตกหลุมรักกรุงเทพฯ จริงๆ ซึ่งเกิดขึ้นในปี 2019 ครับ
ช่วยเล่ากระบวนการทำอัลบั้มล่าสุด ‘Human’ ในช่วงแพร่ระบาดใหญ่ที่ผ่านมาให้หน่อย
มันเป็นอะไรที่แปลกดีครับ มีการทำงานผ่าน Zoom บ่อยมากๆ ต้องค่อยๆ ทำไปทีละเพลง ถ่ายทำมิวสิควิดีโอก็ต้องสวมหน้ากาก ซึ่งใช้เวลาถ่ายนานกว่าปกติด้วย มันยากมากที่จะวางแผนอะไรซักอย่างเพราะทุกคนกลัวว่าจะป่วย แต่เราก็ลุยต่อไป เพลงแรกที่เราทำคือ “Lose Somebody” ร่วมกับ Kygo และมันก็กลายเป็นเพลงฮิตระดับโลกสำหรับเรา เราอัดเสียงกันในเดือนเมษายนหรือพฤษภาคม ปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงโควิดระบาดหนักพอดี แต่เราก็ทำสำเร็จ หลังจากนั้นเราก็พยายามทำเพลงอื่นๆ และปล่อยออกมาเรื่อยๆ ครับ
OneRepublic กลับมาทัวร์คอนเสิร์ตตั้งแต่ช่วงกลางปีก่อน คุณรู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้กลับมาขึ้นเวทีต่อหน้าแฟนๆ อีกครั้ง?
เรากลับมาทัวร์กันตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2022 ซึ่งกำลังจะเกือบปีพอดี ตอนนี้เราได้เล่นไป 132 โชว์แล้ว มันให้ความรู้สึกเหมือนเรากลับมาอยู่บนอานม้าอีกครั้ง อารมณ์เหมือนรองเท้าคู่เก่าที่ยังสวมพอดีอยู่ครับ
อัลบั้มเดบิวต์ของวง ‘Dreaming Out Loud’ เพิ่งมีอายุครบ 15 ปีไปเมื่อช่วงปลายปีก่อน คุณเคยย้อนกลับไปฟังอัลบั้มชุดนั้นบ้างไหม และมีอะไรที่คุณอยากจะเปลี่ยนแปลงบ้าง?
ผมยังไม่ได้กลับไปฟังอัลบั้มชุดนั้นแบบจริงๆ จังๆ เลยครับ แต่ในเมื่อคุณถามคำถามนี้ ผมคงต้องกลับไปฟังแล้วล่ะ และมีสิ่งที่ผมอยากจะเปลี่ยนแปลงแน่นอนครับ ผมคิดว่าเสียงร้องในปัจจุบันของผมดีกว่าตอนนั้นมากๆ ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากกลับไปร้องใหม่นะครับ
คุณคิดว่าอัลบั้มแต่ละชุดของ OneRepublic มีเอกลักษณ์ทางซาวด์ที่แตกต่างกันอย่างไรบ้าง?
ผมคิดว่าอัลบั้มแรกที่ศิลปินทุกคนทำออกมานั้นเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงตัวตนของพวกเขามากที่สุดครับ อย่างเช่น Coldplay กับอัลบั้ม ‘Parachutes’ นั่นคือซาวด์เฉพาะตัวของพวกเขา พวกเขาจะถูกนิยามด้วยซาวด์นั้นเสมอ เพลง “Apologize” กับ “Stop and Stare” คือซาวด์โดยเนื้อแท้ของเรา เราใช้เครื่องสายและองค์ประกอบของออเครสตร้าในอัลบั้มแรก ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของอัลบั้มแต่ละชุดของเราเสมอ ถึงแม้ว่าจะได้เปลี่ยนแปลงและประสบความสำเร็จในบางครั้ง บางครั้งก็ประสบความสำเร็จน้อยลง แต่ทุกครั้งมันก็คือการที่เราขวนขวายเพื่อบางสิ่ง ในปี 2016 เราเคยทำเพลงแนวแดนซ์และฟังก์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากฝรั่งเศส และใส่ลงในอัลบั้มประมาณ 3-4 เพลง แต่พวกมันกลับไม่รู้สึกเชื่อมต่อกันเลย แต่อีก 4 ปีต่อมา Dua Lipa ก็ทำให้แนวแดนซ์และฟังก์กลับบูมสุดๆ เพราะงั้นบางครั้งคุณอาจมีไอเดียที่ถูกต้องแต่ดันผิดเวลาก็ได้ คุณมักจะไล่ตามบางสิ่งที่ก้าวข้ามขอบเขตด้วยการนำเสนอแนวเพลงที่เงียบหายไปนาน ซึ่งเรากำลังจะทำมันอีกครั้งกับซิงเกิ้ลต่อไปของพวกเราครับ บอกได้มันจะมีซาวด์คล้ายๆ กับวง The Police ครับ
เนื่องจากทัวร์ครั้งนี้มีชื่อว่า ‘OneRepublic Live in Concert’ อยากทราบว่าคุณชอบเล่นสดเพลงไหนมากที่สุด?
คำตอบของผมนั้นง่ายมากๆ เพลงโปรดของผมในการเล่นสดจะเป็นเพลงใหม่ล่าสุดเสมอครับ
ตอนนี้ OneRepublic มีอัลบั้มทั้งหมด 5 ชุดแล้ว การจัดเซ็ตลิสต์สำหรับแต่ละโชว์นั้นยากแค่ไหน?
ง่ายสุดๆ ไปเลยครับ คือเราจะดูประเทศที่เรากำลังจะไปเล่นก่อน ผมคิดว่าผู้คนคงอยากฟังเพลงที่พวกเขารู้จัก เราก็จะเล่นเพลงเหล่านั้น ผมจะไม่เล่นเพลงลึกๆ หรอก ผมอยากเล่นเพลงที่ถูกใจคนดูส่วนใหญ่เพราะพวกเขาจ่ายเงินเพื่อมาดูเรา เพราะพวกเขาอาจมีอย่างอื่นที่ต้องทำก็ได้ แต่พวกเขากลับเลือกที่จะมาดูเรา ผมคิดว่าพวกเขาคงอยากฟังเพลงที่พวกเขารู้จัก ดังนั้นเราจึงพยายามใช้กลยุทธ์และเล่นเพลงที่คนส่วนใหญ่รู้จักและมอบในสิ่งที่พวกเขาต้องการครับ
มีศิลปินรุ่นใหม่คนไหนที่คุณมองว่ากำลังสร้างแรงขับเคลื่อนให้กับวงการเพลงบ้าง?
แน่นอนว่าต้องเป็น Billie Eilish กับ FINNEAS ครับ แล้วก็มี Rosalía, The Kid Laroi กับ Lil Nas X ด้วย มีศิลปินมากมายที่กำลังทำได้ดีสุดๆ ผมรู้สึกประทับใจและได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปินรุ่นใหม่เหล่านี้อย่างมากเลยครับ
คุณตั้งตารออะไรมากที่สุดเกี่ยวกับทัวร์ในเอเชียที่กำลังจะมาถึง?
ทุกอย่างเลยครับ เอเชียเป็นสถานที่โปรดของเราในการออกทัวร์เลย ผมตั้งหน้าตั้งตารอโชว์ทุกรอบ รวมถึงอาหาร วัฒนธรรม ความวุ่นวาย ความสวยงาม ทั้งหมดนี้เลย
หลังจากทัวร์นี้สิ้นสุดลง OneRepublic มีแผนจะทำอะไรต่อ?
เราพยายามที่จะทำอัลบั้มต่อไปครับ เราอยากปล่อยออกมาในช่วงซัมเมอร์ปีนี้ถ้าเราทำได้ และนี่จะเป็นอัลบั้มสุดท้ายของเรากับต้นสังกัด Interscope Records แล้ว มันจึงเป็นหมุดหมายที่สำคัญสำหรับเรา และเราจะเปลี่ยนแปลงซาวด์ของเราด้วย ผมตื่นเต้นกับสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ตอนนี้มากๆ และผมคิดว่าเรามีเพลงที่ดีกว่าที่เราเคยทำออกมาซะอีก ผมตื่นเต้นกับอีกห้าปีข้างหน้ามากกว่าห้าปีที่ผ่านมาด้วย บอกเลยว่าจะมีสิ่งดีๆ จาก OneRepublic มากมายแน่นอนครับ
มีอะไรอยากกล่าวถึงแฟนๆ ชาวไทย ที่กำลังตั้งตารอคอนเสิร์ตที่กำลังจะมาถึงบ้าง?
ถึงแฟนๆ ชาวไทยของเราทุกคนนะครับ พวกคุณน่ารักและใจดีที่สุดโลกเลย เรารู้สึกเป็นเกียรติมากๆ ที่จะได้กลับไปเล่นที่กรุงเทพฯ และได้เห็นใบหน้ายิ้มแย้มสวยงามของพวกคุณอีกครั้ง เรารักคุณ และพบกันเร็วๆ นี้นะครับ
สำหรับใครที่ยังไม่มีบัตร ‘OneRepublic Live in Concert – Bangkok’ รีบไปจับจองกันได้แล้วตอนนี้ทาง bit.ly/3Meic5G ราคาเริ่มต้น 1,500 บาท แล้วเจอกัน!