ประสบความสำเร็จเกินต้าน กับเทศกาลดนตรีอิเลคโทรนิคเบอร์ต้นของประเทศ Together Festival 2023 ที่ปีนี้จัดเต็มแบบที่ไม่เคยมีใครกล้าให้มาก่อน จัดเต็ม 2 เวที ยาวต่อเนื่องกัน2วัน2คืน ทำให้ภาพรวมซีนดนตรีอิเลคโทรนิคของประเทศไทยมีความเป็นหนึ่งในที่สุดของภูมิภาคเอเชียเลยก็ว่าได้ ใครพลาดไป บอกเลยว่าเสียดายแทนจริงๆ.... ครบรอบ 10 ปีจะน้อยหน้าได้ยังไง กับไลน์อัพศิลปินที่คัดเลือก ยกทัพระดับตัวเทพ ตัวท๊อปของแต่ละแนวเพลง ที่แฟนตัวยงรอให้มาเยือนไทย อัดแน่นไว้ใน2เวทีสุดตระการตาแบบจุกๆ นับเป็น2คืนที่มันส์ สนั่น ลั่น ล้น ฮอลล์ จริงๆ โดยตัวงานยังคำนึงถึงความปลอดภัยของชาวเรฟเวอร์มาเป็นอันดับ1เหมือนเดิมจ้า
ความพิเศษที่ซ่อนในตัวงาน อาทิ บูทอาหารเลิศรสหลากบูทหลายสัญชาติ แต่ที่เด็ดอยู่ตรงที่บูทนวดตัว ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน แด๊นซ์กันมาเมื่อยๆ ก็มาพักรีแล็กซ์ที่บูทนี้ได้ บูทเสริมสวยของสาวๆขวัญใจหนุ่มๆเรฟเวอร์ก็เรียกได้ว่า แวะมาเติมเสน่ห์ได้ตลอดงาน จึงไม่ต้องแปลกใจที่จะเห็นแฟนๆต่างชาติที่ตั้งใจเดินทางมาร่วมเทศกาลดนตรีครั้งนี้
ในส่วนของคอนเสิร์ตนั้นถูกแบ่งเป็น 2 เวที 2 ฮอลล์ เวที Main Stage และ Monstercat Stage (Second Stage Host โดยค่ายเพลงมาขอเปิดเวทีเองถึงประเทศไทยกันเลยทีเดียว] ซึ่งศิลปินในเวทีนี้ ก็คัดมาแต่โหดๆ ถูกใจสาย Trap สาย Drum and Bass หรือแม้แต่ Debstep ก็มา เรียกว่าฟินกันถ้วนหน้ากับดีเจสายหนัก ไม่ว่าจะเป็น WOOLI , KOVEN , SPAG HEDDY , DIRTYPHONICS , MISTER. T , ALASTOR ในวันแรก และ ADVENTURE CLUB , OOKAY , KOMPANY , MUZZ , TERROR BASS , DI3NO ในวันที่สอง ที่ต้องบอกว่า แน่นสมใจสาวก Head Bang กันสุดๆ กับเซอร์ไพรส์ที่ไม่คิดว่าจะเกิดซีนอิเลคโทรนิคแบบนี้ในประเทศ ทั้งวัฒนธรรมการเต้นแบบ Mosh Pit , Circle Pit , Blood Sea หรือแม้แต่ Body Surf ก็มีให้เห็น เปิดประสบการณ์ให้ชาวเรฟเวอร์ไทยแลนด์จริงๆ
ตัดภาพมาที่เวที Main Stage ที่แค่ชื่อดีเจ ก็รำพึงในใจกันทันทีว่าจะอยู่ยังไงกันให้จบงาน SLANDER , NGHTMRE , JONAS BLUE , KREAM , OU J , GISHINE ที่หวดกันยับตั้งแต่ช่วงเย็นเลยทีเดียว
แต่ไฮไลท์ของงานในคืนแรกปีนี้ตกไปเป็นของ ALESSO ที่ขอเซอร์ไพรส์แฟนๆแบบมาแหวกกับดนตรีพริ้วๆไหลๆที่ไม่ใช่ทาง Progressive House แนวถนัดของเจ้าตัว ทั้ง EDM , Deep House , Tech House ใส่มาแบบจัดเต็ม สร้างเซอร์ไพรส์ให้แฟนเพลง ที่ขนเพลงฮิตระดับเมกาบิ๊กทั้ง Let Me Go , Heroes , Under Control , When I'm Gone และ Words มามิกซ์ใหม่ได้สุดลื่นหู ที่ต้องบอกว่าสมูธดุจไหมมากๆ ยก MVP ในคืนนี้ให้ไปเลย
อย่าเพิ่งหมดแรง .... ไปกันต่อในคืนที่สอง DGY & SPARKLE , HARD LIGHTS , TRIVECTA , IMANBEK ลากยาวกันตั้งช่วงเย็น ไล่ระดับความพีคมาเรื่อยๆจนมาถึง BOYS NOIZE ดีเจสาย Techno ตัวกลั่น ที่ดีกรีไม่ธรรมดา เคยผ่านการมิกซ์เพลงให้กับ Snoop Dogg ฮิปฮอปตัวพ่อ และ Depeche Mode วง Alternative Synth Pop มาแล้ว ที่เซอร์ไพรส์จัดๆกับโชว์ปิดท้าย ที่ขอหยิบเอาเพลง Blue Monday ของวง New Order ที่วัยรุ่นยุค 80' ต้องกรี๊ดเลยทีเดียว
GALANTIS ปีนี้ก็ขอมาในสายหวานสลับกับแนวโหดๆได้อย่างลงตัว แบบที่ฟังแล้วไม่รู้สึกเคอะเขินแต่อย่างใด ปิดท้ายงานในปีนี้กันด้วย ERIC PRYDZ กับการมาเยือนเมืองไทยเป็นครั้งแรก ที่ขอจัดเต็ม พาทุกคนล่องไปกับดนตรีเทคโนแบบเต็มสูบ ยิ่งบวกกับซาวน์ที่คมกริบ กับโปรดักชั่น 180 องศา ยิ่งฉีดอะดรีนาลีนให้พุ่งพล่านขึ้นไปอีกเป็นทวีคูณ เรียกว่ากลายเป็นของแรร์เลยก็ว่าได้
เรียกว่าเป็นงานฉลองครบรอบ 10 ปีจบไปแบบประทับใจกันถ้วนหน้า จนต้องร้องขอว่า "มีต่ออาทิตย์หน้าเลยได้มั้ย"