เปิดตัวครั้งแรกใน EP Some Type of Love ที่ออกในปี 2015 โดยเป็นซิงเกิ้ลอย่างเป็นทางการเพลงแรกของ Puth ที่เขียนเพื่อยกย่อง Marvin Gaye ตำนานอาร์แอนด์บีผู้ล่วงลับ Puth โดยเขาต้องการแสดงเพลงนี้เป็นเพลงคู่ เหมือนกับเพลงก่อนหน้าของ Gaye กับ Tammi Terrell และได้ชวน Meghan Trainor มาทำงานร่วมกับเขา
“Marvin Gaye” ยังเป็นเพลงแรกที่ Puth เขียนำลังจากย้ายเขาย้ายไปลอสแองเจลิส อีกด้วยโดยเข้าเผยว่า "มันค่อนข้างบ้าตรงที่เป็นเพลงแรกที่ผมที่เขียนและมันก็ดังมาก และสิ่งที่บ้ากว่าคือวันรุ่งขึ้นผมเขียน 'See You Again' ครับ มันจึงค่อนข้างน่าสนใจครับ” แน่นอนว่า See You Again จาก 'Fast & Furious ก็ได้ส่งให้ Charlie Puth ก้าวสู่ความนิยมมากยิ่งขึ้น
2. “See You Again,” Wiz Khalifa, featuring Charlie Puth (2015)
เขียนโดย Charlie Puth, Wiz Khalifa, Cameron Thomaz, Dann Hume, Josh Hardy, Phoebe Cockburn, Justin Franks, Andrew Cedar
เพลงที่ Puth ร่วมเขียนเพื่อใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Furious 7 ในปี 2015 เพลง “See You Again” ได้รับการบันทึกเสียงโดย Wiz Khalifa ร่วมกับ Puth) และเป็นเพลงเพื่อเป็นการไว้อาลัยให้กับนักแสดง Paul Walker ซึ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในวัย 40 ปี เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2556
เพลงนี้ได้รับความนิยมในทันทีโดยขึ้นถึงอันดับ 1 ใน Billboard Hot 100 ซึ่งยังคงอยู่เป็นเวลา 12 สัปดาห์
3. “One Call Away” (2016)
เขียนโดย Charlie Puth, Justin Franks, Maureen McDonald, Breyan Isaac, Matt Prime, Shy Carter
ซิงเกิลที่สองจากอัลบั้มเปิดตัวของศิลปินหนุ่ม “One Call Away” ขึ้นสูงสุดที่อันดับ 12 ใน Billboard Hot 100 ซึ่งเจ้าตัวปิดเผยว่าเพลงนี้เกิดขึ้นระหว่างแคป์การเขียนเพลงที่ค่ายเพลงของเขาจัดขึ้น เป็นเพลงที่เขียนขึ้นเพื่อใครก็ตามที่ไม่อาจได้เห็นหน้าคนรักทุกวัน
“เพื่อนของผมกำลังคุยกับฉันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางไกลของเขา และเขารู้สึกเสียใจที่เขาไม่สามารถเจอแฟนสาวของเขาทุกวัน ดังนั้นผมจึงอยากทำเพลงสำหรับทุกคนที่มีความสัมพันธ์ทางไกล หรืออาจจะแค่ใครที่ไม่ได้เจอหน้ากันสักพักแล้ว่า อยู่ห่างกันแค่ 'One Call Away - เพียงยกหูโปรศัพท์กริ๊งเดียว'
4. “We Don’t Talk Anymore” with Selena Gomez (2016)
เขียนโดย Charlie Puth, Selena Gomez, Jacob Kasher Hindlin
เพลงนี้ค่อยๆเกิดขึ้นทีละชิ้นละชิ้นก่อนจะประกอบกันเป็นหนึ่งในเพลงที่น่าจดจำที่สุดของศิลปินหนุ่ม จังหวะของเพลงเกิดขึ้นตอนศิลปินหนุ่มอยู่ที่ฟิลิปปินส์ พาร์ทกีตาร์ได้มาตอนที่เขาไปเที่ยวญี่ปุ่น และหลังจากอัดเพลงเสร็จเขาก็ส่งให้คู่ดูเอ็ท Selena Gomez และลงเอยที่เธออัดเสียงในตู่เสื้อผ้าของ Puth
“เธอแวะมาและผมก็เซ็ทไมค์ไว้ในตู้เสื้อผ้า ผมสามารถพูดได้ว่าผมโปรดิวซ์เสียงร้องของ Selena Gomez ในขณะที่เธอกำลังอัดเสียงอยู่ในตู้! ผมว่ามันเพิ่มความแปลกให้กับบันทึกเสียงดีนะ”
5. “Attention” (2018)
เขียนโดย Charlie Puth and Jacob Kasher Hindlin
เพลงเกี่ยวกับคนที่ไม่ต้องการ'หัวใจ'ของเขา แต่ต้องการแค่เรียกร้องความสนใจ Puth เริ่มใส่ท่อน "Attention" ในขณะที่เขากำลังทัวร์ที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้เห็นภาพถึงความหมายเบื้องหลังเพลง ที่ลอสแองเจิลลิส Puth ทำป็อปอัพด้วยการติดตั้ง LED ที่แสดงปฏิกิริยาตอบสนองของสมองขณะที่ได้รับความสนใจ
6. “Done For Me,” featuring Kehlani (2018)
เขียนโดย Charlie Puth, Kehlani, John Ryan, Jacob Kasher Hindlin
หลังจากคัฟเวอร์เพลง “Hotline Bling” ของ Drake ในปี 2015 Puth และ Kehlani กลับมารวมตัวกันอีกครั้งในเพลง “Done for Me” ซึ่งเป็นซิงเกิลที่สามจากอัลบั้มที่สองของเขา Voicenotes เพลง “Done For Me” ขึ้นระดับแพลตินัมโดยมียอดขายมากกว่าหนึ่งล้านหน่วยในสหรัฐอเมริกา
7. “If You Leave Me,” featuring Boyz II Men (2018)
เขียนโดย Charlie Puth, Tobias Jesso Jr., Robin Wiley
เพลงนี้มาจากอัลบั้ม Voicenotes เช่นกัน เพลง “If You Leave Me” เป็นเพลงแบบอะแคปเปลลาที่ร่วมงานศิลปินระดับตำนานอย่าง Boyz II Men และมีการสอดแทรกเพลง “I Thought She Knew” ของ N’SYNC ในปี 2000 เข้ามาด้วย
อีกหนึ่งความน่าสนใจคือแม้ว่า Puth จะไม่เคยร้องคัฟเวอร์เพลง "If You Leave Me" ของ Chicago แต่เวอร์ชั่นของเขาก็มีท่อน 'You will take the big part of me' จากเพลงฮิตของวงใน Chicago จากปี 1976 และที่บังเอิญก็คือ Boyz II Men ได้เคยคัฟเวอร์เพลง Chicago ในปี 2009
8. “Change,” featuring James Taylor (2018)
เขียนโดย Charlie Puth, Johan Carlsson, Ross Golan
เพลงนี้มี James Taylor มาทำงานร่วมกัน และอุทิศแด่ผู้ที่เสียชีวิตเนื่องจากความรุนแรงจากปืน เพลงเขียนขึ้นหนึ่งปีก่อนเหตุการณ์กราดยิงที่โรงเรียน Marjory Stoneman Douglas High School ในเมืองพาร์คแลนด์ รัฐฟลอริดา ในปี 2018 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 17 คน
“การบันทึกเสียงกับ James Taylor คือความฝันที่เป็นจริง” Puth กล่าว “เขาคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงเขียนเพลง และเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับเขา” เขากล่าวเสริมว่า “แต่การแสดงเพลง 'Change' เป็นครั้งแรกที่งาน March For Our Lives หลังจากที่ได้พบกับ Mia และ Hayley (นักเรียนสองคนจาก Parkland, FL) และรู้สึกถึงอารมณ์ทั้งหมดจากผู้คนนับหมื่นที่ออกมาเพื่อร่วมแสดงพลังสนับสนุนเป็นสิ่งที่ผมจะไม่มีวันลืม”
9. “Left and Right” นำแสดงโดย จองกุก BTS (2022)
เขียนโดย Charlie Puth และ Jacob Kasher Hindlin
“Left and Right” เป็นซิงเกิลที่สามของ Puth จากอัลบั้มที่สามของเขา และได้ Jungkook วง BTS มาร่วมงานกัน“การร่วมงานใดๆที่ผมทำ ผมต้องมีความเชื่อมโยงทางดนตรีกับคนๆนั้น” Puth กล่าวถึงการทำงานร่วมกันของพวกเขา ซึ่งทั้งสองเคยพบกันครั้งแรกและร่วมงานกันในเกาหลีใต้เมื่อสี่ปีก่อน
“เราแสดงด้วยกันในงานประกาศรางวัลครับ และผมก็ประทับใจเสมอที่เขาสามารถแตะโน้ตทั้งหมดได้อย่างไร้ที่ติ เขามี pitch ที่สมบูรณ์แบบเช่นกัน ผมหลงใหลคนแบบนั้นเสมอ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพราะเขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้คล่องขนาดนั้น พอๆกับที่ผมพูดภาษาเกาหลีไม่ได้ แต่เราสามารถสื่อสารผ่านเมโลดี้ได้อย่างราบรื่น มันน่าทึ่งมากครับ"
10. “Light Switch” (2022)
เขียนโดย Charlie Puth, Jacob Kasher Hindlin, Jake Torrey
หูที่รับรู้ได้จะตรวจจับเสียงที่แท้จริงของเสียงการเปิดและปิดสวิตช์ไฟของ Charlie Puth ได้เปลี่ยนมันเป็นเพลง “Light Switch” ซึ่งเป็นสิ่งที่ Puth บันทึกไว้ครั้งแรกและโพสต์บนหน้า TikTok ของเขา ในขณะที่บันทึกการทำอัลบั้ม Charlie ของเขา
“Light Switch” เริ่มต้นจากการเป็นเพลงบัลลาดที่เนิบช้าและเศร้าสลด เกี่ยวกับการที่ Puth ที่ไม่สามารถปิดสมองของเขาได้ แต่ต่อมาก็พัฒนาเป็นเพลงป๊อปแดนซ์มากขึ้นโดยป็นเพลงเกี่ยวกับผู้หญิงที่เขาสนใจ
เป็นยังไงกันบ้างกับ 'Top 10 Charlie Puth Songs' ของ Charlie Puth ที่เราเอามาฝากกัน!? ใครที่เดินทางกับมาเราในเพลง 'Top 10' เหล่านี้ซึ่งเริ่มทบทวนกันตั้งแต่การเข้าวงการช่วงแรกของศิลปินหนุ่มมาจนถึงปัจจุบัน แล้วรู้สึกอยากจะไปสัมผัสความน่าทึ่งของเขาแบบตัวจริงเสียงจริง ห้ามพลาด Charlie Puth Presents The “Charlie” Live Experience เตรียมไปร้องเพลงพร้อมกัน 6 ตุลาคมนี้ ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานนี บัตรราคาเริ่มต้น 1,800 ซื้อบัตรและติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมคลิก livenationtero.co.th
ที่มา American Songwritter