ทีเซอร์อย่างเป็นทางการครั้งแรกของภาพยนตร์ 'Wicked' นำแสดงโดยนักแสดงเจ้าของรางวัลแกรมมี่ โทนี่ 'Cynthia Erivo' และป๊อปสตาร์เจ้าของรางวัลแกรมมี่ 'Ariana Grande'  ได้รับการเปิดเผยแล้ว! และ Vanity Fair ยังมีภาพพิเศษของ Erivo และ Grande ในบท Elphaba และ Glinda เช่นเดียวกับการสัมภาษณ์ครั้งแรกกับนักแสดงและทีมผู้สร้างภาพยนตร์

Jon M. Chu เผยเกี่ยวกับ Wicked ว่า “นี่คือเทพนิยายอเมริกัน” เขาบอกกับ Vanity Fair “เราอยู่ในยุคที่เรากำลังประเมิน 'ชีวิตในอเมริกา' อีกครั้ง ความจริงคืออะไร? ตอนจบที่มีความสุขคืออะไร? ถนนอิฐสีเหลืองเป็นถนนที่ต้องเดินตามหรือไม่? มีใครอยู่อีกฟากหนึ่งจริงๆที่จะมอบความปรารถนาอันแรงกล้าให้กับคุณหรือเปล่า?”ภาคแรกของ Wicked พยายามที่จะตอบคำถามเหล่านั้นและอีกมากมาย

ใน 'Wicked' ทั้งสองแม่มด Elphaba และ Glinda เริ่มต้นจะการเป็นเพื่อนกันแต่ภายหลังกลับกลายเป็นคู่แข่ง Ariana Grande ผู้รับบท 'Glinda' เผยว่าความสัมพันธ์ของตัวละครทั้งสองถูกกำหนดโดย “ความรักและมิตรภาพที่ไม่เห็นแก่ตัวจริงๆ พวกเขาทั้งสองเป็นเพื่อนแท้คนแรกของกันและกัน เป็นคนที่ยอมรับกันและกันในทุกสิ่งที่พวกเขาเป็น”

Cynthia Erivo เล่าต่อว่า “เมื่อพวกเขารู้ว่าจริงๆแล้วต่างคนต่างเป็นคนละด้านของเหรียญเดียวกัน พวกเขาก็มองเห็นกันและกันได้ชัดเจน” ซึ่งนักแสดงหวังว่า Wicked จะสามารถสอนบทเรียนสำคัญให้กับผู้ชมได้ว่า “เราทุกคนแตกต่างกันและเหมือนกัน และความแตกต่างที่เรามีทำให้เราพิเศษจริงๆ หวังว่าเราจะใช้ความแตกต่างเหล่านั้นเพื่อแนะนำตัวเองให้รู้จักกัน เราไม่ได้ผลักไสผู้คนออกไปเพราะพวกเขาแตกต่าง แต่เราเปิดใจเพราะพวกเขามีความพิเศษ”

'Wicked' ฉบับภาพยนตร์ ดัดแปลงมาจากบทละครบอร์ดเวย์ และจะแบ่งเป็นสองพาร์ท โดยส่วนที่หนึ่งจะฉายในวันที่ 27 พฤศจิกายนปีนี้ ส่วนครึ่งที่สองจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์วันที่ 26 พฤศจิกายน 2025

“เราไม่อยากลงเอยด้วยการสร้างหนังความยาวสี่ชั่วโมงสักเรื่องแล้วตัดเพลงออกไป เราต้องการสร้างความพึงพอใจให้กับแฟนละครเพลง” โปรดิวเซอร์  Marc Platt กล่าว “ภาพยนตร์ช่วยให้คุณสร้างสถานที่และเวลาได้ มหาวิทยาลัยอย่าง 'Shiz' ซึ่งเป็นคฤหาสน์ของผู้ว่าราชการเมืองเอเมอรัลด์ที่ไม่ธรรมดา มันมีอะไรอีกมากมายที่น่าค้นหา”

“Wicked บนจอภาพยนตร์ จะเปิดโอกาสให้คูนได้สัมผัสประสบการณ์ทางดนตรีที่ยิ่งใหญ่ ตระการตา และยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล” Chu กล่าว “มันเหมือนกับว่า 'มาใส่ทุกอย่างลงไปในนี้กันเถอะ'”

ที่มา Vanity Fair