'Paris Hilton' ร่วมเป็นหนึ่งในกระบอกเสียงที่เรียกร้องเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงในเด็กแพบเยาวชน โดยเธอเปิดเผยต่อหน้ารัฐสภาสหรัฐฯถึงประสบการณ์น่าสะเทือนใจของเธอในช่วงวัยเยาว์ทั้งถูกปฏิบัติอย่างเลวร้ายและถูก 'ล่วงละเมิด'
Hiltion เรียกร้องให้เกิดการเปลียนแปลงสภาพแวดล้อมในสถานบำบัดเยาวชน โดยเล่าประสบการณ์ส่วนตัวอันเลวร้ายตอนถูกส่งไปสถานบำบัดเยาวชนเอกชนเพราะเธอโดดเรียน เกรดแย่ และเป็นโรคสมาธิสั้นแต่ในช่วงนั้นยังไม่มีการพูดถึงอาการของนี้มากนั้น ดังนั้นเธอจึงถูกส่งไปบำบัดในสถานสงเคราะห์เยาวชนเอกชนในรัฐยูทาห์ที่สัญญาว่าจะสนับสนุนเยาวชน แต่เธอกลับถูกห้ามแสดงความคิดถึงหรือแม้แต่มองออกไปนอกหน้าต่างตลอดสองปีที่นั่น ซึ่งระหว่างนั้นเธอเผยอีกด้วยว่า 'ถูกบังคับทานยา ถูกกระชากตัวออกจากเตรียงกลางดึก ถูกลากไปบนระเบียงทางเดิน และถูกเจ้าหน้าที่ล่วงละเมิดทางเพศ'
เธอเผยว่าช่วงที่เธอเป็นวัยรุ่นพ่อแม่ของเธอกังวลเกี่ยวกับพฤติกรรมของเธอแต่พวกเขา “ไม่รู้” ว่าจริงๆแล้วสถานที่ดังกล่าวเป็นอย่างไร “พวกท่านคิดว่ามันจะเป็นโรงเรียนประจำธรรมดา” เธอกล่าว “และเมื่อฉันไปถึงที่นั่น ไม่มีการบำบัด เราก็แค่ถูกทำร้าย ถูกทารุณกรรม กรีดร้อง และตะโกนใส่อยู่ตลอดเวลา”
การสื่อสารทั้งหมดของเธอกับโลกภายนอกถูกควบคุม และจะมีใครบางคนจับตามองอยู่เสมอเมื่อเธอคุยกับพ่อแม่ทางโทรศัพท์ “ดังนั้นหากฉันพูดในแง่ลบเกี่ยวกับสถานที่นี้แม้แต่คำเดียว พวกเขาจะวางสายโทรศัพท์ทันที จากนั้นฉันจะถูกลงโทษ และอาจถูกทุบตีหรือโยนเข้าห้องขังเดี่ยว” เธอกล่าว
คำให้การของเธอให้ความกระจ่างเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่า "อุตสาหกรรมวัยรุ่นที่มีปัญหา" ซึ่งเด็กบางคนอาศัยอยู่กับญาติหรือครอบครัวอุปถัมภ์ เด็กบางคนก็ถูกส่งไปยังศูนย์บำบัดที่เป็นบ้านรวมสำหรับเด็ก ซึ่งบางคนมีความต้องการทางการแพทย์หรือมีพฤติกรรมที่ซับซ้อน 'Hilton' ในวัย 43 ปี กล่าวหาว่าอุตสาหกรรมนี้ซึ่งมีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ สนใจในการหาเงินมากกว่าการปกป้องและดูแลเด็กกลุ่มเปราะบางที่พวกเขาต้องรับผิดชอบ
Hilton กล่าวว่าเรียกร้องต่อรัฐสภาสหรัฐฯว่า การปฏิบัติที่ "ไร้มนุษยธรรม" ที่เธอต้องอดทนจะส่งผลต่อเธอไปตลอดชีวิต และเธอกำลังเรียกร้องให้ฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐอเมริกาผ่านร่างกฎหมายที่เรียกว่าพระราชบัญญัติหยุดการล่วงละเมิดเด็กในสถาบัน เพราะหากรัฐเข้ามาจัดการ "อุตสาหกรรมวัยรุ่นที่มีปัญหา" ก็จะมีระบบการรายงานการละเมิดที่โปร่งใสและมีความรับผิดชอบมากขึ้นนอกจากนี้ยังทำให้เกิดแนวทางการปฏิบัติที่เป็นแนวทางสำหรับทั้งประเทศเพื่อให้เด็กๆได้รับสิ่งที่จำเป็นและได้รับความเคารพอย่างที่ควรจะเป็น
รายงานใหม่จากกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์พบว่ารัฐในสหรัฐฯ หลายรัฐไม่ได้ติดตามว่าเด็กในสถานพยาบาลเหล่านี้ได้รับการปฏิบัติอย่างไร และไม่ได้บันทึกกรณีการละเมิดที่รัดกุมพอ
ที่มา