listen live


NEXT :
PREV :
/ NEWS /

[Article Interview] สัมภาษณ์พิเศษกับ 'Juliet Ivy' ศิลปินอินดี้ป๊อปจากนิวยอร์คที่น่าจับตามอง

Nov 03, 2024 / ดู 140 ครั้ง

Eazy FM ได้มีโอกาสพูดคุยกับศิลปิน-นักแต่งเพลงสาวชาวนิยอร์ค 'Juliet Ivy' ที่เพิ่งปล่อยผลงาน EP อัลบั้ม 'tiny but scary' ออกมา สำหรับเราชาวไทยเอง อาจจะยังไม่ค่อยคุ้นหูกับเธอมากนัก แต่เราอยากบอกว่า ผลงานของเธอนั้นน่าสนใจมากทีเดียว วันนี้เลบขอถือโอกาส ชวนทุกคนมาอ่านบทสัมภาษณ์นี้ เพื่อทำความรู้จักกับเธอกันให้มากขึ้นค่ะ

 

 

Eazy FM: สวัสดีจากประเทศไทย! อยากให้ช่วยทักทายแฟนๆ และผู้ฟังชาว Eazy FM หน่อยค่ะ
Juliet Ivy: สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนที่ประเทศไทยค่ะ! ขอบคุณมากที่ฟังเพลงของฉัน และฉันขอส่งความรักถึงทุกคนจากอีกฟากนึงของโลกค่ะ!

Eazy FM: ก่อนอื่นเลย ช่วยบอกเราหน่อยค่ะ ว่า 'Juliet Ivy' คือใครคะ?
Juliet Ivy: Juliet Ivy เป็นสาวอายุ 23 ปีจากนิวยอร์กซิตี้ ที่ทำเพลง รักหมาของเธอ รักเพื่อน และรู้สึกมีความสุขที่ได้อยู่ที่นี่ค่ะ

Eazy FM: ขอแสดงความยินดีกับการปล่อย EP ใหม่ของคุณ 'tiny but scary' คุณรู้สึกอย่างไรบ้างกับโปรเจกต์นี้คะ?
Juliet Ivy: ขอบคุณค่ะ! ฉันรู้สึกภูมิใจกับโปรเจกต์นี้มาก รู้สึกเหมือนเป็นก้าวถัดไปที่สมบูรณ์แบบหลังจากโปรเจกต์แรกของฉัน มันเป็นอะไรที่เปราะบางมากกว่า และทำให้คนอื่นๆ ได้เห็นข้างในความคิด วัยเด็ก อนาคต ความไม่มั่นใจของฉัน และอีกมากมายเลยค่ะ

ฉันรู้สึกภูมิใจที่ได้ทำเพลง สามารถเปิดเผยมุมที่เปราะบางของตัวเอง และแบ่งปันให้โลกได้รู้ มันเป็นโปรเจกต์ที่สำคัญมากสำหรับฉันที่ได้ทำ เหมือนเป็นทั้งการบำบัด และเป็นเรื่องพิเศษ ฉันรู้สึกขอบคุณมากๆ ที่ทุกคนให้การตอบรับเป็นอย่างดี เปิดกว้าง และให้คำชื่นชมมากเลยเลยค่ะ

 

 

Eazy FM: ก่อนที่เราจะคุยต่อเกี่ยวกับเพลงของคุณ อยากให้คุณช่วยเล่าให้เราฟังหน่อยค่ะ ว่าคุณเริ่มอาชีพนักดนตรีได้อย่างไร?
Juliet Ivy: ฉันรักดนตรีและการร้องเพลงมาตลอด ฉันเคยเล่นวีดีโอเกมคาราโอเกะทุกวันหลังเลิกเรียน ฉันคงน่ารำคาญมากอ่ะ ฉันมี iPod อันเล็ก พร้อมกล้อง และฉันก็จะถ่ายวิดีโอร้องเพลงของตัวเองทุกวัน มันเป็นสิ่งที่ฉันชอบทำที่สุด และฉันก็ยังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วฉันสามารถเข้ามาอยู่ในอุตสาหกรรมเพลงได้จริงๆ ฉันเพียงแค่คิดว่า นี่คือความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉัน

ตอนเรียนมัธยมปลายและกำลังมองหามหาวิทยาลัย ฉันพบกับสถาบัน Clive Davis ที่ NYU และคิดว่า "โอ้พระเจ้า คุณสามารถเรียนเกี่ยวกับดนตรีได้ คุณสามารถทำงานในอุตสาหกรรมนี้และกลายเป็นศิลปินได้จริงๆ" ฉันคิดว่านั่นเป็นเรื่องที่บ้าที่สุด และฉันก็ตัดสินใจว่า "ฉันจะทำสิ่งนี้"

ฉันรีบสมัครเรียน เข้าเรียน และทำสำเร็จ! ฉันทำงานหนักมาก เริ่มทำเซสชันกับเพื่อนๆ และค่อยๆ เรียนรู้ว่าการแต่งเพลงคืออะไร การเป็นศิลปินคืออะไร เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเอง ฉันต้องพูดอะไร และฉันคือใครในฐานะศิลปิน จากนั้นฉันเริ่มทำเซสชันของตัวเองในนิวยอร์กและลอสแองเจลิส เริ่มขยายเครือข่าย และเริ่มขุดลึกเข้าไปในตัวเอง เพื่อค้นหาว่าจริงๆ แล้วฉันเป็นศิลปินแบบไหน ฉันค่อยๆ เริ่มหาเจอ และก็ยังคงค้นหาต่อไปในทุกๆ วัน เป็นประสบการณ์ที่พิเศษมากๆ สำหรับฉันค่ะ

การได้ไปเรียนที่วิทยาลัย และได้เปิดโลก ได้ทำงานอย่างหนักในอุตสาหกรรมนี้ ได้ลองอะไรใหม่ๆ ได้ฟังตัวเอง เชื่อตัวเอง ทำแย่บ้าง ทำดีบ้าง ล้มเหลวบ้าง ได้ลองใหม่ และในที่สุดก็ได้ออกอัลบั้ม EP แรกของตัวเอง ทุกอย่างมันคลี่คลายทั้งหมด ตอนที่ฉันพบกับแนวทาง และความมั่นใจที่จะออกไป และได้ลองทำด้วยตัวเอง และนั่นคือจุดที่ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นค่ะ

 

 

Eazy FM: ปีที่แล้ว คุณได้ปล่อย EP แรก 'playpen' คุณจำความรู้สึกตอนนั้นได้ไหมคะ?
Juliet Ivy: จำได้ค่ะ ฉันกลัวมาก ในใจฉันคิดว่า "ฉันเป็นศิลปินเหรอเนี่ย? ฉันทำได้จริงๆ เหรอ?" มันแปลกมาก เพราะก่อนหน้านั้น ฉันปล่อยเพลงออกมาแค่สามเพลง และมันรู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริงเลยค่ะ ฉันยังไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นศิลปินจริงๆ

แต่เมื่อฉันปล่อยโปรเจกต์แรก ฉันคิดว่า "โอ้พระเจ้า ตอนนี้มันเป็นจริงแล้ว" ฉันประหม่ามาก ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ได้คาดหวังอะไร ฉันแค่กำลังจะเริ่มก้าวแรกของการเป็นศิลปิน ปล่อย EP แรกของฉัน ฉันภูมิใจกับมันมากๆ ที่ฉันได้ทำ และภูมิใจกับทุกเพลง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันทำทั้งโปรเจกต์ได้สำเร็จ เป็นความรู้สึกที่บ้ามากๆ

ฉันแค่กำลังเริ่มก้าวแรกในฐานะศิลปินที่กำลังปล่อย EP แรก ฉันรู้สึกภูมิใจที่ทำมัน และภูมิใจกับเพลงเหล่านั้น ฉันไม่อยากเชื่อว่าฉันทำโปรเจกต์เต็มๆ ได้ มันเป็นความรู้สึกที่บ้าคลั่งมาก

Eazy FM: อะไรคือความแตกต่างระหว่าง 'playpen' และ 'tiny but scary'?
Juliet Ivy: ฉันคิดว่ามันเกี่ยวข้องกันนะคะ ฉันมองว่า 'tiny but scary' เป็นหน้า B ของ 'playpen' — มี 5 เพลง ยังคงใช้โทนสีแดง และมีการผสมผสานแนวเพลงและอารมณ์คล้ายกัน — การเติบโต ความจริงของการมีอยู่ และการใคร่ครวญตนเอง เป็นต้น

แต่ความแตกต่างคือ ฉันมองว่า 'playpen' เป็นเรื่องภายนอก และเกี่ยวกับการมีอยู่มากกว่า เกี่ยวกับวิธีที่ฉันมองสิ่งต่างๆ จากภายนอก ในขณะที่ 'tiny but scary' เป็นเรื่องภายในและการใคร่ครวญเกี่ยวกับตนเองมากกว่า วิธีที่ฉันมองตัวเอง ความคิดของฉัน วัยเด็กของฉัน และครอบครัวของฉัน — เป็นเรื่องส่วนตัวมากกว่า และฉันรู้สึกว่านี่คือก้าวต่อไปที่เป็นธรรมชาติหลังจาก 'playpen' ซึ่งเป็นเหตุผลที่ฉันมองว่ามันเป็นหน้า B ที่ขยายความเข้าใจเกี่ยวกับตัวฉัน ว่าฉันเป็นใครให้ชัดขึ้น เป็นพื้นที่สำหรับคนที่รู้จักฉันผ่าน 'playpen' เพื่อทำความรู้จักฉันในระดับที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ในด้านของดนตรี ก็จะฟังดูนุ่มนวลและเป็นสไตล์โฟล์คมากขึ้นนิด แต่ฉันรู้สึกว่ามันเหมาะกับเนื้อหาของเพลง — ฟังดูเป็นธรรมชาติและใกล้ชิดมากขึ้นค่ะ

 

 

Eazy FM: แนวคิดโดยรวมของ 'tiny but scary' คืออะไรคะ? มีความหมายแฝงอะไรบ้างไหม?
Juliet Ivy: 'tiny but scary' มาจากเนื้อเพลงของฉันในเพลง "isn't my face?" ที่มาของ 'tiny but scary' คือการที่บางครั้งฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนตัวเล็กๆ นะ แต่ก็ดูน่ากลัวบ้าง เพลงนั้นจึงเกี่ยวกับเรื่องของการเข้าไม่ถึง และความรู้สึกไม่มั่นคง

แต่พอฉันได้มองประโยคนี้ ซึ่งฉันชอบมันทันทีในเพลงนั้น ฉันก็คิดได้ว่ามันสามารถใช้กับหลายสิ่งที่ฉันเคยประสบและเรื่องราวที่ฉันกำลังเขียนในเพลงที่กลายมาเป็นโปรเจ็กต์นี้ ดังนั้นสำหรับฉัน 'tiny but scary' จึงเป็นเรื่องของการเติบโต การเป็นมนุษย์ การดำรงอยู่ เรื่องราวของการเป็นผู้หญิง เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหัวของฉันทุกวันค่ะ

ตัวอย่างเช่น โปรเจ็กต์ส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเป็นผู้หญิง ซึ่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์ รวมถึงความเป็นหญิงที่ช่างงดงาม แต่ในขณะเดียวกันก็ยากลำบากและน่ากลัวเช่นกัน

อีกเรื่องที่ฉันพูดถึงในโปรเจ็กต์คือการเติบโต ฉันรู้สึกว่าตัวเองยังเล็กอยู่ แต่ต้องทำเรื่องที่น่ากลัวมากมายและต้องเป็นผู้ใหญ่ นอกจากนี้เวลาที่คุณกำลังเติบโต การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ดูน่ากลัวที่สุด เพราะมันคือการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้คุณไม่ได้เป็นเด็กอีกต่อไป ในแง่ของการใคร่ครวญตนเองและมุมมองของการมีอยู่ ยังคงอยู่ในเนื้อเพลงและเพลงทั้งหมดของฉัน ฉันรู้สึกว่าเรานั้นเล็กมากในจักรวาลนี้ และมันคือความรู้สึกสบายใจที่เราตัวเล็กและไม่มีความสำคัญอะไรมากนัก แต่ในขณะเดียวกันมันก็บ้ามากและน่ากลัวที่จะคิดถึงเช่นกัน ประโยคที่ว่า "tiny but scary" จึงครอบคลุมทุกอย่าง และฉันรู้สึกว่ามันพิเศษมากที่ได้ค้นพบความหมายมากมายจากวลีเดียว

 


Eazy FM: คุณได้ปล่อย MV ของเพลง 'girl talk' ออกมาด้วย MV นี้พูดถึงอะไรคะ?
Juliet Ivy: แนวคิดทั้งหมดของเพลง "girl talk" คือ การเป็นผู้หญิงนั้นเป็นเรื่องที่ยากที่สุดและในขณะเดียวกันก็ทรงพลังและมหัศจรรย์ที่สุดเช่นกัน ฉันอยากจะแสดงให้เห็นถึงสิ่งนั้นด้วยออกมาเป็นภาพ ให้เห็นถึงความพิเศษของการเป็นผู้หญิง และความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนหญิง มันมีความหวายเป็นอะไรก็ได้ และไม่ว่ามันจะหมายถึงอะไร มันคือส่ิงพิเศษค่ะ

และเราก็เกิดไอเดียนี้ขึ้น จริงๆ แล้วคิดขึ้นมากับเพื่อนสนิทสองคนของฉัน ที่จะเปลี่ยนพื้นที่ที่น่าเบื่อและไร้ชีวิตชีวาอย่างออฟฟิศให้กลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ด้วยการให้เหล่าผู้หญิงยอมรับความเป็นเด็กผู้หญิงและเวทมนตร์แห่งความเป็นหญิงของพวกเธอ เราถ่ายทำที่นิวยอร์ก และเราได้นักแสดงหญิงที่น่าทึ่ง 6 คนมาร่วมงาน ซึ่งเริ่มขึ้นในออฟฟิศสีเทาที่ไร้ชีวิตชีวานี้ จากนั้นฉันก็เข้ามาพร้อมกับกระโปรงฟูฟ่องสีชมพู ผมเปียยาว และริบบิ้น ยอมรับความเป็นเพื่อนหญิงของฉัน และแสดงให้พวกเธอเห็นว่า พวกเธอไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวตนหรือความเป็นเด็กผู้หญิงของพวกเธอ

ออฟฟิศเป็นตัวแทนของสังคมและชีวิตประจำวัน และฉันอยู่ที่นั่นเพื่อจะบอกว่า "อย่าปล่อยให้สิ่งนั้นทำให้ตัวตนของคุณหมองลง" หรือ "คุณไม่จำเป็นต้องแกล้งเป็นอะไรที่คุณไม่ได้เป็น" แค่ยอมรับความเป็นเด็กผู้หญิงของคุณและมันจะทำให้ชีวิตดีขึ้นมาก ในตอนท้าย พวกเราทุกคนฉลองด้วยปาร์ตี้ที่สดใสและมีชีวิตชีวา ที่ซึ่งเหล่าผู้หญิงรู้สึกเป็นอิสระ ปลดปล่อย และเข้มแข็งจากการยอมรับความเป็นเด็กผู้หญิงของพวกเธอ จากนั้นพวกเราก็ออกจากออฟฟิศและมีความสุขตลอดไป

 


Eazy FM: ถ้าให้เลือกเพลงของคุณ 1 เพลงเพื่อแนะนำให้แฟนๆ ชาวไทยฟัง คุณจะเลือกเพลงไหน และเพราะอะไรคุณถึงเลือกเพลงนั้น?
Juliet Ivy: ฉันอยากจะแนะนำเพลง "we're all eating each other" ให้ทุกคนได้ฟังค่ะ ถ้าคุณยังไม่เคยฟัง เพราะมันเป็นเพลงที่แสดงออกถึงการเป็นอยู่มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และฉันคิดว่ามันเป็นตัวแทนที่ดีของโปรเจกต์ศิลปินของฉัน และตัวฉันในฐานะคน ๆ หนึ่ง และฉันภูมิใจในเพลงนี้มาก

แต่ถ้าคุณเคยฟังเพลงนั้นแล้ว ฉันขอแนะนำเพลง "breakfast song" เพราะมันเป็นเพลงที่จุดประกายทุกอย่าง หรือถ้าเป็นเพลงที่ออกมาล่าสุด ฉันขอแนะนำ "four foot two" เพราะมันเป็นเพลงที่พิเศษและเป็นส่วนตัวมาก หรือ "sweet dreams" เพราะเพลงนั้นแสดงถึงตัวฉันในตอนนี้ มันมองย้อนกลับไปที่ตัวฉัน เวอร์ชั่นในอดีตและบอกเธอว่าทุกอย่างจะโอเค ฉันคิดว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดีที่ผู้คนจะได้ฟังฉันร้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ค่ะ

 

 
Eazy FM: มีโปรเจกต์ในอนาคตที่พวกเราสามารถรอติดตามเร็วๆ นี้ไหมคะ?
Juliet Ivy: ฉันกำลังจะไปแสดงที่สิงคโปร์ในเดือนธันวาคมนี้ และฉันตื่นเต้นมากสำหรับงานนี้ค่ะ ฉันไม่เคยไปแถบเอเชียมาก่อน ดังนั้นมันเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก

ตอนนี้ฉันกำลังทำเพลงใหม่ที่นิวยอร์กและแอลเอ และฉันตื่นเต้นมากจริงๆ ฉันยังไม่รู้แน่ชัดว่าโปรเจกต์ต่อไปจะเป็นอย่างไร และนั่นก็เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น เพราะฉันจะได้ลองทำอะไรใหม่ๆ และค้นหามัน ความเป็นไปได้นั้นไม่มีที่สิ้นสุด ฉันให้เวลา ความยืดหยุ่น และอิสระกับตัวเองที่จะลองทำอะไรก็ได้ ฉันคิดว่าบทต่อไปจะพัฒนาขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ และจะเป็นสิ่งใหม่ แต่ก็ยังคงมีองค์ประกอบที่คนยังคุ้นเคยอยู่ค่ะ ฉันตื่นเต้นมากๆ!

Eazy FM: อยากฝากอะไรถึงแฟนๆ บ้างคะ?
Juliet Ivy: สวัสดีค่ะทุกคน ฉันแค่อยากจะขอบคุณมากๆ ที่ฟังและสนับสนุนเพลงของฉัน มันมีความหมายมากจริงๆ ฉันแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าพวกคุณค้นหาฉันเจอจากประเทศไทย มันมีความหมายมากสำหรับฉันที่พวกคุณสนับสนุนฉัน ฉันขอส่งความรักไปให้นะคะ และหวังว่าจะได้พบกับทุกคนในเร็วๆ นี้ ขอบคุณค่ะ รักทุกคนมากๆ ค่ะ

 

 
 
 
View this post on Instagram

A post shared by Juliet Ivy (@julietivy)

 

และนี่คือ 'Juliet Ivy' สาวน้อยที่เกิดมาเพื่อเป็นศิลปินจริงๆ มาร่วมให้กำลังใจ และติดตามเธอกันค่ะสำหรับเส้นทางงานดนตรีในอนาคต

Special Thanks to Juliet Ivy and Secret Signals for this amazing interview!




.:: ข่าวอื่นๆ