เมื่อเวลา 07.00 น. ของวันนี้ (1 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่นของประเทศไทย ได้มีการปรับเปลี่ยนเวลาโลกให้เร็วขึ้นอีก 1 วินาที เพื่อให้ใกล้เคียงกับเวลาที่แท้จริงของโลก
เว็บไซต์ สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ ได้มีการเปิดเผยข้อมูลถึงกรณีที่มีการปรับเพิ่มเวลาโลกให้เร็วขึ้น 1 วินาที โดยยืนยันว่าการปรับเวลาดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบร้ายแรง พร้อมย้ำให้ภาคธุรกิจและประชาชนปรับใช้เวลาให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ (มว.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีการบวกเพิ่มเวลา 1 วินาที ในเวลา 7 นาฬิกา ของวันที่ 1 กรกฎาคม 2558 นี้ ว่า สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ (มว.) ในฐานะผู้รับผิดชอบในการรักษามาตรฐานทางด้านเวลาและความถี่ของประเทศไทย และยังเป็นสมาชิกของสำนักงานชั่งตวงวัดระหว่างประเทศ (Bureau International des Poids et Measure: BIPM) ประเทศฝรั่งเศสได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมรองรับการเพิ่มเวลา 1 วินาที (Leap Second) หรือ อธิกวินาที พร้อมให้ภาคธุรกิจและประชาชนรับการถ่ายทอดเวลาที่ถูกต้องและเชื่อถือได้ตามมาตรฐานสากลผ่านทาง 2 ระบบนี้
1. ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต Network Time Protocol (NTP) โดยสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมเวลามาตรฐานประเทศไทยได้ที่ www.nimt.or.th ซึ่งทางสถาบันมีข้อแนะนำและขั้นตอนในการปรับเทียบเวลาทางอินเตอร์เน็ตแสดงไว้ในแต่ละขั้นตอน ภายใต้หัวข้อ "วิธีการปรับเทียบเวลามาตรฐานประเทศไทยด้วยโปรแกรม Freeware"
2. ผ่านทางสถานีวิทยุระบบ FM RDS ซึ่งจะทำการส่งสัญญาณเวลามาตรฐานไปพร้อมกับคลื่นวิทยุ FM โดยอาศัยคลื่นวิทยุของสถานีวิทยุกระจายเสียง เช่น คลื่นวิทยุความถี่ 102.5 MHz ของกองทัพอากาศ หรือ คลื่นวิทยุความถี่ 95.0 MHz ของ อสมท. ซึ่งผู้ที่จะทำการรับสัญญาณจะต้องมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถรองรับสัญญาณวิทยุจากระบบ RDS ได้ ซึ่งมีมากมายหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น นาฬิกาที่สามารถรับการควบคุมโดยสัญญาณวิทยุจากระบบ RDS, โทรศัพท์มือถือ, วิทยุ FM ระบบนำทางในรถยนต์ เป็นต้น
ซึ่งทั้ง 2 ระบบนี้จะรองรับการเพิ่มอธิกวินาที ทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ว่าการเพิ่มเวลา 1 วินาทีในครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบใด ๆ กับการใช้เวลามาตรฐานประเทศไทยของท่าน
ดร.ปิยพัฒน์ พูลทอง นักมาตรวิทยา สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ หรือ มว. กล่าวว่า ปัจจุบันระบบการรักษาเวลาที่ใช้ในโลกของเรา สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ระบบ คือ 1. ระบบเวลาสุริยะ (Universal Time: UT1) ซึ่งเป็นเวลาที่ได้จากการวัดและคำนวนทางดาราศาสตร์ เช่น การหมุนรอบตัวเองของโลก เป็นต้น โดยมีหน่วยงาน International Earth Rotation and Reference Systems Service (IERS) เป็นผู้รับผิดชอบ และ 2. ระบบเวลามาตรฐานสากลเชิงพิกัด (Coordinated Universal Time: UTC) ซึ่งได้เวลามาจากนาฬิกาอะตอมซีเซียม ที่ใช้เป็นมาตรฐานทางด้านเวลาและความถี่ที่มีความถูกต้องแม่นยำสูงมาก โดยมีสำนักงานชั่งตวงวัดระหว่างประเทศ หรือ BIPM เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ
เพื่อให้ระบบการรักษาเวลามาตรฐานทั้งสองระบบมีค่าสัมพันธ์กัน เมื่อความแตกต่างระหว่างระบบเวลาสุริยะ และระบบเวลามาตรฐานสากลเชิงพิกัดมีค่าใกล้กับ 0.9 วินาที จะต้องมีการปรับเวลาให้เวลาทั้ง 2 ระบบมีความสอดคล้องกัน คล้ายกับกรณีที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ซึ่งใช้เวลา 365.242 วันใน 1 ปี ทำให้ต้องมีการปรับเพิ่มวันทุกๆ 4 ปี ให้มีวันที่ 29 กุมภาพันธ์
นอกจากนี้ ดร.ปิยพัฒน์ ยังได้กล่าวอีกว่า โลกหมุนช้าลงทุกๆ วันอันเนื่องมาจาก วิถีการโคจรของดวงจันทร์ การเกิดน้ำขึ้นและน้ำลง การเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลก แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด หรือแม้กระทั่งการละลายของน้ำแข็งทั่วโลก ซึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาโดยเฉลี่ยโลกจะหมุนช้าลงประมาณ 1 ใน 1,000 วินาทีในแต่ละวัน ทำให้ในแต่ละปี (365 วัน) โลกจะหมุนช้าลงประมาณ 3 ใน 10 ของวินาที โดยตามมาตรฐานสากลหากเวลาช้าลงสะสมกันใกล้เคียงกับค่า 9 ใน 10 ของวินาที จะต้องมีการปรับเพิ่มเวลาให้กับนาฬิกา 1 วินาที
ซึ่งในปีนี้ มว. จะเพิ่มเวลามาตรฐานของประเทศไทยพร้อมกับนานาประเทศ โดยมีการประกาศให้เพิ่มเวลาที่วินาทีที่ 60 ในช่วงเวลาเที่ยงคืน ของวันที่ 30 มิถุนายน 2558 ณ จุดอ้างอิงของเวลาสากลเชิงพิกัดที่เมืองกรีนิช ซึ่งตรงกับเวลา 7 โมงเช้าของวันที่ 1 กรกฎาคม 2558 ในประเทศไทย โดยในช่วง 5 วินาทีในขณะนั้นนาฬิกาของประเทศไทย จากเดิมเวลาปกติจะเดินเป็น 6:59:58, 6:59:59, 7:00:00, 7:00:01, 7:00:02 เปลี่ยนอธิกวินาทีจะเดินเป็น 6:59:58, 6:59:59, 6:59:60, 7:00:00, 7:00:01