Camila Cabello (ภายใต้สังกัด Epic Records / SYCO) เป็นนักร้องนักแต่งเพลงผู้เคยถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล GRAMMY® หลายสมัยจากประเทศคิวบา เธอปล่อยอัลบั้มเดบิวต์เดี่ยวของเธอ “Camila” เมื่อเดือนมกราคมปี 2018 อย่างประสบความสำเร็จ อัลบั้มนี้เปิดตัวที่อันดับ 1 บนชาร์ต Billboard 200 พร้อม ๆ กับที่ซิงเกิลของเธอ ‘Havana’ ติดอันดับที่ 1 บนชาร์ต Billboard Hot 100
ทำให้เธอเป็นศิลปินเดี่ยวคนแรกในรอบเกือบ 15 ปีที่สามารถมีผลงานอยู่ที่อันดับที่ 1 บนชาร์ต Hot 100, Billboard 200 และ Artist 100 ได้ภายในสัปดาห์เดียวกัน และเธอยังได้เป็นศิลปินอันดับ 1 ตามสถิติทั่วโลกของ Spotify และได้รางวัลจาก 2018 Video Music Awards สำหรับเพลง ‘Havana’ ในสาขา “Artist of the Year” และ “Video of the Year” อีกด้วย เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล GRAMMY® ในงาน 61st Annual Grammy Awards สองสาขาคือ “Best Pop Vocal Album” สำหรับอัลบั้มของเธอ “Camila” และ “Best Pop Solo Performance” สำหรับการแสดงสดด้วยเพลง ‘Havana’ ของเธอ
เธอได้เริ่มสร้างผลงานในฐานะศิลปินเดี่ยวหลังจากที่อยู่ในวง Fifth Harmony มาเป็นเวลา 4 ปี และปล่อยเพลง ‘Havana’ ซึ่งได้รับการรองรับสถานะเป็น 9x แพลตินัมจาก RIAA ในเดือนสิงหาคมปี 2017 เพลงนี้ขึ้นเป็นอันดับ 1 บนชาร์ต Pop Radio และเป็นเพลงที่ติดอันดับที่ 1 ลำดับที่ 2 ของเธอบนชาร์ต top 40 ตั้งแต่เป็นศิลปินเดี่ยว กลายเป็นเพลงที่ถูกสตรีมมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาโดยศิลปินหญิง และเป็นเพลงฮิตอันดับ 1 ประจำปี 2018 ทั่วโลก ซิงเกิล 3x แพลตินัมของเธอ ‘Never Be the Same’ ถูกปล่อยออกมาในเดือนมกราคมปี 2018 และติดสิบอันดับแรกบนชาร์ต Billboard Hot 100 อย่างรวดเร็ว Camila จึงกลายเป็นศิลปินคนแรกที่มีซิงเกิลที่ปล่อยแบบมัลติฟอร์แม็ต (ผ่านหลากหลายช่องทาง) ที่ติดอันดับ 1 เป็นเพลงจากอัลบั้มเดบิวต์ของเธอถึง 2 ซิงเกิล นอกจากนี้แล้ว Camila ก็เคยมีสถิติที่น่าอัศจรรย์บนชาร์ตด้วยเพลง 2x แพลตินัมของเธอ ‘Bad Things’ ที่ร่วมงานกับ Machine Gun Kelly
Adele ที่มีผลงานอยู่บนชาร์ต Billboard Hot 100, Billboard 200 และ Artist 100 พร้อมๆ กัน เธอสามารถดำรงสถิติของเธอได้อย่างต่อเนื่องด้วยเพลง ‘My Oh My’ ซึ่งติดอันดับที่ 1 บนชาร์ต Pop Radio ในปี 2020 ซึ่งเป็นเพลงลำดับที่ 5 ของเธอที่ประสบความสำเร็จและติดอันดับที่ 1 ต่อจาก ‘Señorita’ ในปีก่อนหน้า
นอกจากนี้แล้ว Camila ยังเป็นทูตขององค์กร Save the Children และในปี 2020 เธอก็ได้สร้างโครงการ Healing Justice Project ร่วมกับ Movement Voter Fund ซึ่งเป็นโครงการที่ให้การสนับสนุนทางการเงิน รวมไปถึงที่พึ่งพิงและปรึกษาสุขภาพจิต แก่เยาวชนที่เป็นนักเรียกร้องสิทธิและองค์กรที่จัดขึ้นเพื่อการเรียกร้องสิทธิเรื่องเชื้อชาติ เศรษฐกิจ การเลือกตั้ง และอื่น ๆ ที่บริหารโดยเยาวชนที่ต้องการที่จะทำให้สังคมเป็นที่ที่ดีขึ้นและพัฒนาประเทศชาติ