ซึ่งนับจาก Wannabe ซิงเกิลแรกจากอัลบั้ม SPICE มาถึงซิงเกิล Too Much ในอัลบั้ม Spice World วงสามารถทำสถิติมีเพลงขึ้นอันดับ 1 ติดต่อกันได้ถึง 6 ซิงเกิล แต่วงต้องมาหยุดสถิติการติดอันดับ 1 ติดต่อกันจากการที่ซิงเกิล Stop ติดอันดับ 2 แต่หลังจากนั้นวงก็สามารถทำอันดับ 1 ได้อย่างต่อเนื่องอีก 3 ซิงเกิลก่อนที่วงจะประกาศพักวงไป
โดยทั้ง 9 ซิงเกิลที่ขึ้นอันดับ 1 มีดังนี้
1. Wannabe - 1996 : 7 สัปดาห์
2. Say You'll Be There - 1996 : 3 สัปดาห์
3. 2 Become 1 - 1996 : 3 สัปดาห์
4. Who Do You Think You Are / Mama - 1997 : 3 สัปดาห์
5. Spice Up Your Life - 1997 : 1 สัปดาห์
6. Too Much - 1997 : 3 สัปดาห์
7. Viva Forever - 1998 : 3 สัปดาห์
8. Goodbye - 1998 : 2 สัปดาห์
9. Holler / Let Love Lead The Way - 2000 : 1 สัปดาห์
#Holler To The BRITs
ขึ้นชื่อว่าเป็นศิลปินอังกฤษ แน่นอนว่า Brit Awards ย่อมเป็นงานประกาศรางวัลที่มีความหมายของตัวศิลปิน
Spice Girls ก็เป็นหนึ่งในศิลปินที่คว้ารางวัลใหญ่ ๆ ของงานมามากมาย ในปี 1997 วงได้ไปแสดงโชว์ Wannabe / Who Do You Think You Are และคว้ารางวัล British Single of the Year จากเพลง Wannabe และ British Video of the Year จาก Say You’ll Be There
ปี 1998 วงไปแสดงเพลง Stop พร้อมกับคว้ารางวัล Highest Selling Album Act
ปี 2000 วงไปรับรางวัล Outstanding Contribution to Music โดยขึ้นไปรับรางวัลแค่สมาชิกสี่คน ซึ่งเจรี่ไม่ขอร่วมรับรางวัลเพราะเธอแจ้งว่าเธอไม่ใช่สมาชิกปัจจุบันของวง ในค่ำคืนนั้นเจรี่ได้ขึ้นแสดงเพลง Bag It Up และวง Spice Girls ได้แสดงเพลง Spice Up Your Life, Say You’ll Be There, Goodbye และ Holler เพลง Holler ถูกตัดออกตอนรายการฉายทางทีวีเนื่องจากปัญหาทางเทคนิคบางอย่าง
ปี 2010 มีการจัดโหวตหาการแสดงที่น่าจดจำที่สุดในรอบ 30 ปีของ Brit Awards และผลก็มาว่าเป็นการแสดงโชว์ Wannabe / Who Do You Think You Are ในปี 1997ที่คว้ารางวัล Live Performance of Thirty Year รางวัลพิเศษนี้ไป ซึ่งคนที่มารับรางวัลในค่ำคืนนั้นคือเจรี่และเมลบี
#Goodbye To Union Jack
เมื่อนึกถึง Spice Girls นอกจากรองเท้าส้นตึกอันเป็นแฟชั่นล้ำจัดในปลายยุค 90s แล้ว ชุดที่เป็นตำนานอย่างเดรสลายธงสหราชอาณาจักร (Union Jack Dress) ของเจรี่ที่ใส่ขึ้นแสดงในเพลง Wannabe / Who Do You Think You Are ในงาน Brit Awards 1997 ก็นับเป็นภาพจำให้กับเจรี่และวง Spice Girls ในทันทีที่เมลบีร้องเนื้อเพลงท่อนแรกของ Wannabe ในการแสดงนั้น และถูกโหวตให้เป็นหนึ่งใน 10 ชุดที่น่าจดจำในรอบ 50 ปีจากหนังสือพิมพ์ The Daily Telegraph
แคมเปญการสะสมห่วงกระป๋องเป๊ปซี่แลกซีดีพิเศษเพลง Move Over (Generation Next) กับเพลง Step To Me ที่ไม่มีวางขายที่ไหน และคอนเสิร์ตแรกของวงสองรอบที่อิสตันบูล ประเทศตุรกี ซึ่งภายหลังลิขสิทธิ์การฉายบันทึกการแสดงสดครั้งนี้ก็ถูกช่อง HBO ซื้อไปฉาย
ส่วนวงการภาพยนตร์ วงมีภาพยนตร์ที่ทั้งวงร่วมเสนอไอเดียในการเขียนบทและลงมือแสดงเองในชื่อว่า Spice World The Movie หรือชื่อภาษาไทยคือ สไปซ์เกิร์ลส โลกนี้มีไว้กรี๊ด
โปรเจกต์เรื่องนี้ถ่ายทำกันส่วนใหญ่ในลอนดอน ทุนสร้างที่ 25 ล้านเหรียญ ใช้เวลาถ่ายทำรวมสามเดือนพร้อม ๆ กับการที่วงต้องอัดเพลงในสตูดิโอเคลื่อนที่สำหรับอัลบั้ม SPICE WORLD ไปด้วย นอกจากหนังเรื่องนี้จะมี Spice Girls เป็นตัวเดินเรื่องแล้ว ยังมีดาราชั้นนำของอังกฤษมากมายที่ยินดีจะมาร่วมแสดงด้วย เช่น Richard E. Grant, Claire Rushbrook, Meat Loaf, Roger Moore และ Alan Cumming
หนังออกฉายวันที่ 15 ธันวาคม ปี 1997 ในอังกฤษ กวาดรายได้ไป 6.8 ล้านปอนด์ ขณะที่ไปฉายในอเมริกา Spice World The Movie สามารถกวาดรายได้ไปถึง 10,527,222 ดอลลาร์ กลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในช่วงสุดสัปดาห์ที่มีการแข่งซูเปอร์โบล์วในช่วงนั้น และขึ้นอันดับ US Box Office สูงสุดที่อันดับ 2 เป็นรองแค่ Titanic ที่ครองแชมป์มานานในช่วงปีนั้น ส่วนประเทศไทย Spice World The Movie เข้าฉายในวันที่ 1 พฤษภาคม ปี 1998 ตรงกับวันแรงงานพอดี
และถึงแม้นักวิจารณ์จะฟันธงว่าเป็นหนังยอดแย่ จนสาว ๆ ได้รางวัล Golden Raspberry Award สาขา“นักแสดงหญิงยอดแย่” แต่รายได้ฟาดไปถึง 151 ล้านเหรียญ สาว ๆ ก็คงพูดแค่ “แล้วไง ใครแคร์”
#Headline
ในปี 1996-1997 เป็นช่วงที่ Spice Girls ดังอย่างฉุดไม่อยู่ สื่อต่างๆก็เล่นข่าวของวงแทบทุกวัน ทั้งข่าวจริงบ้าง ข่าวปลอมบ้าง แต่แค่ขึ้นพาดหัวว่า Spice Girls หนังสือพิมพ์หรือนิตยสารฉบับนั้นก็ขายได้แล้ว เพราะแบบนี้วงจึงเกิดโปรเจกต์ในการทำหนังสือเกี่ยวกับวงชื่อว่าGirl Power: The Official Book by the Spice Girls ซึ่งเคลมว่าวงเป็นคนเขียนเองทั้งเล่ม และความจริงทุกอย่างอยู่ในเล่มนี้เล่มเดียว
อัลบั้มที่สองของวงคือ SPICE WORLD เป็นอัลบั้มที่ออกมาพร้อม ๆ กับการฉายหนังเรื่อง Spice World The Movie อัลบั้มนี้ปิดยอดขายทั่วโลกอยู่ที่กว่า 13 ล้านแผ่น