เมื่อเร็วๆ นี้ Eazy.fm 105.5 มีโอกาสได้สัมภาษณ์แบบ Exclusive ผ่าน Zoom กับ David Guetta สุดยอดดีเจและโปรดิวเซอร์ชาวฝรั่งเศสเจ้าของบทเพลงดังเขย่าชาร์ตทั่วโลกมากมาย หลังกลับมาทำให้แดนซ์ฟลอร์สะเทือนอีกครั้งด้วยซิงเกิ้ลล่าสุด “Let’s Love” ที่เขาได้ร่วมงานกับศิลปินคู่ขวัญอย่าง Sia พร้อมส่งพลังแห่งความรักที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายยุค 80’s ให้กับแฟนๆ ในช่วงเวลาอันมืดมนนี้ มาฟังกันว่าแนวคิดในการทำงานของเขาเป็นอย่างไรบ้าง รวมถึงเรื่องราวที่น่าสนใจอีกมากมาย
 

ซิงเกิ้ลล่าสุดของคุณ “Let’s Love” มีกลิ่นอายของยุค 80’s อย่างชัดเจน ซึ่งแตกต่างไปจากงานทุกชิ้นที่คุณร่วมทำก่อนหน้านี้กับ Sia  อยากทราบว่าไอเดียดังกล่าวมีที่มาอย่างไร?

ผมพยายามทำเพลงที่ฟังแล้วมีความสุขครับ เพราะทุกอย่างในช่วงกักตัวมันน่าหดหู่มากๆ และผมก็ชวนเธอว่า มาทำเพลงที่มีความสุขกันเถอะ นี่คือสิ่งที่โลกต้องการ และถ้าผมรู้สึกมีความสุข ดนตรีจะเชื่อมโยงผมไปยังอิทธิพลยุค 80’s โดยอัตโนมัติ เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนไม่รู้สึกอายที่จะชูมือขึ้นฟ้า ขณะร้องท่อนฮุคที่มีความสุข
 

คุณเคยทำงานร่วมกับ Sia มาแล้วหลายครั้ง อยากทราบว่าคุณเห็นคุณสมบัติอะไรในตัวเธอ ที่ดึงดูดคุณมากที่สุด?

เธอเป็นศิลปินที่ผมชื่นชอบที่สุดครับ ไม่เพียงแค่เธอเป็นนักร้องที่น่าทึ่งเท่านั้น แต่เธอยังเป็นนักแต่งเพลงที่เก่งที่สุดอีกด้วย นั่นถือว่าเยอะมากสำหรับคนหนึ่งคน ซึ่งโดยปกติแล้ว ขั้นตอนของผมคือการแต่งเพลง และมองหาศิลปินที่จะมาร้อง หวังว่าศิลปินจะชอบมัน จากนั้นก็ปล่อยมันออกมา ผมชอบทำงานกับ Sia มาก เพราะผมจะได้เวอร์ชั่นสุดท้ายของเพลงในทันที
 

(Sia)

มีดนตรีประเภทอื่นๆ ที่คุณอยากลองทำ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำบ้างไหม?

ไม่ว่าจะเป็นดนตรีประเภทไหนที่ทำให้คุณอยากเต้น ผมก็สนใจหมดแหละ ผู้คนมักจะเห็นผมทำเพลงเฉพาะแนว Four on the floor หรือแนว House หรือ EDM ความจริงคือผมเป็นดีเจมานานแล้ว ผมเล่น Funk ผมเล่น Soul ผมเล่น Disco ผมเล่น New wave ผมเล่น House ผมเล่น EDM และตอนนี้ ผมกำลังสร้างสไตล์ใหม่ของดนตรีที่เรียกว่า Future Rave ร่วมกับเพื่อนของผม Morten [Breum] มันคือวิวัฒนาการที่ต่อเนื่อง แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงคือผู้คนต้องการที่จะปล่อยวาง และเต้นรำกัน
 

(David Guetta & Morten)

คุณสร้างแรงกระตุ้นให้กับตัวเองในช่วงล็อกดาวน์ตอนนี้อย่างไร?

จริงแล้วๆ ตอนนี้ผมมีแรงกระตุ้นยิ่งกว่าครั้งไหนๆ เลยล่ะครับ ผมใช้ช่วงเวลานี้ในทางที่เป็นบวก เพราะปกติแล้ว ชีวิตของผมมันบ้าบอโดยสิ้นเชิง ผมอยู่บนเครื่องบินทุกวัน ผมต้องเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา และการที่ผมสามารถโฟกัสเรื่องเพลงได้อย่างเต็มที่ในตอนนี้ มันยอดเยี่ยมมากสำหรับผม เพราะมันไม่เหมือนกับการเข้าสตูดิโอเป็นเวลาสองวัน และมีความกดดันที่จะต้องทำให้เสร็จทันเวลา ตอนนี้ผมมีเวลาหกเดือนในการทำเพลงได้อย่างอิสระโดยไม่มีแรงกดดันใดๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมชอบจริงๆ

ถ้าคุณต้องเปรียบงานเพลงของคุณ กับอะไรก็ได้ที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย คุณจะเปรียบเทียบกับอะไร?

มีหลายอย่างที่ผมชอบเกี่ยวกับประเทศไทยครับ ที่แน่นอนเลยก็คือชายหาด แล้วก็มีอาหารด้วย มันแอบเผ็ดไปนิดสำหรับผม ผมจึงต้องระวังเป็นพิเศษ แต่ผมก็ชอบมันนะครับ ผมเพิ่งไปเที่ยวเมืองไทยเมื่อไปนานมานี้เอง ปีก่อนที่ไปเที่ยวที่ภูเก็ตมา มันดีมากๆ ครับ
 

ถ้าคุณไม่ได้เป็นดีเจหรือโปรดิวเซอร์ คุณคิดว่าตอนนี้คุณคงทำอะไรอยู่?

สถานการณ์ของผมในตอนนี้มันไม่ง่ายเลยเนื่องจากโควิด ผมจึงไม่มีงานอย่างอื่นให้ทำ แต่ผมคิดว่าถ้าผมไม่ได้เป็นดีเจหรือโปรดิวเซอร์ ผมคงไม่เพียงแค่ว่างงานในปีนี้เท่านั้น แต่น่าจะว่างทั้งชีวิตของผมเลย เพราะนี่เป็นสิ่งเดียวที่ผมทำได้ ผมโชคดีที่อาชีพของผมไปได้สวยนะ เพราะมิฉะนั้นแล้ว ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าผมจะทำอะไรได้อีก

มีอะไรอยากฝากถึงแฟนๆ ก่อนที่คุณจะสามารถกลับไปทัวร์ในเมืองไทยอีกครั้งบ้าง?

สิ่งที่ผมอยากฝากก็คือ... ผมขอส่งพลังบวกและความรักให้กับทุกคนเยอะๆ นะครับ เรากำลังเผชิญหน้ากับช่วงเวลาที่ยากลำบาก พยายามใช้ช่วงเวลานี้ให้คุ้มค่าที่สุด มีความสุขกับครอบครัว มีความสร้างสรรค์เข้าไว้ และในเร็วๆ นี้ เราก็จะได้กลับมาเต้นด้วยกันแล้ว ผมมั่นใจเลย

 

ขอขอบคุณ Warner Music Thailand