ด้วยความสำเร็จจากเพลงดัง อย่าง "Don't Start Now", "Physical", "Levitating", "Break My Heart" หรือ "Hallucinate" ทั้งยังเข้าชิงรางวัลทางดนตรีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เมอร์คิวรี ไพรซ์ (Mercury Prize), แกรมมี อวอร์ดส์ (Grammy Awards) รวมถึงเป็นหนึ่งในอัลบั้มยอดเยี่ยมประจำปี 2020 ของสื่อต่างๆ อาทิ บิลล์บอร์ด (Billboard) ,โรลลิง สโตน (Rolling Stone), พิทช์ฟอร์ค (Pitchfork) การันตีได้ดีว่า Future Nostalgia อัลบั้มชุดที่สองของ ดัว ลิปา (Dua Lipa) คืองานที่ครบทั้งคุณภาพและความป็อป ที่ตอกย้ำซ้ำด้วยการเป็นอัลบั้มขายดีข้ามปีมาถึงทุกวันนี้ และซิงเกิลทั้งหลายยังไม่หลุดไปจากเพลย์ลิสต์ของสตรีมมิงเจ้าต่างๆ หรือหน้าปัดวิทยุ

วันนี้ดัว ลิปา จะมาเพิ่มเติมความสดใหม่ให้ Future Nostalgia ด้วยการปรับโฉมเป็น Future Nostalgia: The Moonlight Edition เพิ่มเพลงเข้ามาอีกถึง 8 เพลง โดยมีเพลงที่ไม่เคยปล่อยมาก่อนถึงสามเพลงคือ "If It Ain't Me", "That Kind of Women" และ "Not My Problem (feat. JID)" ตลอดจนซิงเกิลฮิตติด Top 10 "Prisoner" ที่ ดัว ลิปา ทำงานร่วมกับ ไมลีย์ ไซรัส (Miley Cyrus) ซึ่งทำยอดสตรีมทั่วโลกกว่า 250 ล้านครั้ง, "Fever" ที่ ดัว ลิปา ทำกับแองเจล (Angèle) และเพลงเจ้าของยอดสตรีมกว่า 500 ล้านครั้ง

"UN DIA (ONE DAY) (Feat. Tainy)" ซึ่ง เจ บัลวิน (J Balvin) และแบด บันนี (Bad Bunny) มาร่วมงานกับดัว ลิปา

และไม่ได้แค่ปรับโฉมอัลบั้ม ดัว ลิปายังเปิดตัว Future Nostalgia: The Moonlight Edition ด้วยซิงเกิลใหม่ "We're Good" เพลงบีทลื่นๆ เมโลดี้สวยๆ แต่กลับบอกเล่าเรื่องราวกระแทกใจ ว่าด้วยคนรักที่อยากจะแยกทางกัน ทำให้เพลงนี้มีอารมณ์หวานอมขมกลืน ไพเราะแบบขมขื่น ซึ่งมิวสิค วิดีโอของ "We're Good" ก็ถ่ายทอดเรื่องราวในเพลงได้อย่างลงตัว ด้วยการนำเสนอการเดินทางบนเรือสำราญในศตวรรษที่ 20 พาไปพบชะตากรรมที่พลิกผันของกุ้งล็อบสเตอร์ตัวหนึ่ง ที่จบลงในแบบสุดเซอร์ไพรส์ สมกับเป็นซิงเกิลเปิดตัวของ Future Nostalgia: The Moonlight Edition

 

 

 

 

View this post on Instagram

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

A post shared by DUA LIPA (@dualipa)

 

 

 

 

View this post on Instagram

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

A post shared by DUA LIPA (@dualipa)