ในปี 2013 ทั้งโลกได้รู้จักกับ Lorde หรือชื่อจริง Ella Yelich-O’Connor นักร้อง-นักแต่งเพลงสาวจากนิวซีแลนด์ วัย 16 ปี หลังจากที่ซิงเกิ้ลแจ้งเกิดอย่าง “Royals” ได้เปลี่ยนสถานะของเธอให้กลายเป็นซูเปอร์สตาร์คนใหม่ชั่วข้ามคืน ด้วยแนวดนตรีที่แปลกใหม่ และภาพลักษณ์อันโดดเด่น อัลบั้มสองชุดแรกของเธอ ได้แก่ ‘Pure Heroine’ และ ‘Melodrama’ ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามทั้งในแง่ยอดขายและคำวิจารณ์ ซึ่งตลอดช่วง 4 ปี ที่เธอห่างหายไปจากหน้าสื่อและโซเชียลมีเดีย Lorde มีการอัปเดทความคืบหน้าเกี่ยวกับอัลบั้มใหม่ของเธอผ่านอีเมลถึงแฟนๆ เป็นระยะๆ จนกระทั่งวันนี้ การรอคอยก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว เมื่อเธอกลับมาอีกครั้งด้วย ‘Solar Power’ สตูดิโออัลบั้มลำดับที่สาม ที่นับว่าเป็นการสลัดคราบเดิมๆ ออกไปอย่างสิ้นเชิง สู่ทิศทางใหม่ที่โปรดักชั่นมีความเรียบง่ายมากขึ้น และซาวด์ดนตรีแบบออร์แกนิค ภายใต้การร่วมงานกันอีกครั้งกับโปรดิวเซอร์แห่งยุค Jack Antonoff ซึ่งทำให้เราได้เป็นการเติบโตของเธอในฐานะศิลปินอย่างชัดเจน
 

ในงานแถลงข่าวออนไลน์เปิดตัวอัลบั้มเมื่อเร็วๆ นี้ Lorde ต่อสายตรงผ่าน Zoom จากนิวยอร์ก เพื่อให้สัมภาษณ์กับสื่อทั่วเอเชียเกี่ยวกับแรงบันดาลใจและกระบวนการเบื้องหลังผลงานคัมแบ็คในรอบสี่ปีชุดนี้ พร้อมตอบทุกคำถามที่หลายคนอยากรู้อย่างตรงไปตรงมา

Lorde เปิดเผยว่าสาเหตุที่อัลบั้ม ‘Solar Power’ ไม่อิงกับเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งในขณะนี้ เป็นเพราะเธอ “ต้องการให้อัลบั้มคงอยู่ตลอดไป และรู้สึกเป็นปัจจุบันไปอีกนานแสนนาน ไม่เฉพาะแค่ในช่วงเวลาที่ปล่อยออกมาเท่านั้น บ่อยครั้งแรงบันดาลใจของฉันจะมาจากต่างทศวรรษ ต่างแนวดนตรี และต่างช่วงเวลา เพื่อที่จะพยายามผสมผสานบางอย่างที่มันถาวรค่ะ”
 

เมื่อถามว่าอะไรคือสิ่งแรกที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับเธอในการทำอัลบั้มชุดนี้ Lorde ตอบว่า “มันมาจากตอนที่ฉันออกไปเดินเล่นในสวนสาธารณะใกล้บ้านกับสุนัขของฉัน ทุกๆ เช้าฉันจะตื่นขึ้นมา เพื่อพาสุนัขออกไปเดินเล่น จากกิจวัตรเล็กๆ นั้น ทำให้ฉันได้เห็นการเปลี่ยนฤดูเป็นครั้งแรก และฉันได้เห็นแสงพระจันทร์ในทุกๆ ตอนเช้า ฉันจึงเริ่มรู้สึกถึงเวทมนต์ของธรรมชาติจากโลกภายนอก แม้ว่าจะเป็นแค่การออกไปสวนสาธารณะธรรมดาๆ ก็ตาม นั่นเป็นตอนที่มันเริ่มต้นขึ้น และตอนที่ฉันได้ออกทริปไปยังทวีปแอนตาร์กติกา ชื่อ ‘Solar Power’ ก็เด้งเข้ามาในหัวของฉัน ฉันคิดว่าฉันจะต้องตั้งชื่ออัลบั้มว่า ‘Solar Power’ ค่ะ”

“ฉันทำอัลบั้มชุดนี้ขึ้นมาเพื่อสะท้อนชีวิตป็อบสตาร์ของฉันในช่วงเวลาหนึ่ง ช่วงที่ฉันมีชีวิตอันแสนยุ่ง ฉันออกทัวร์บ่อยมากๆ” เธอตอบคำถามที่ว่าอัลบั้ม ‘Solar Power’ เป็นตัวแทนการเติบโตของเธอทั้งในฐานะ Lorde และ Ella อย่างไรบ้าง “ฉันทำอัลบั้มชุดนี้ขึ้นมาเพื่อสะท้อนชีวิตป็อบสตาร์ของฉันในช่วงเวลาหนึ่ง ช่วงที่ฉันมีชีวิตอันแสนยุ่ง จากการออกทัวร์อย่างไม่หยุดหย่อน โดยส่วนตัวแล้วฉันคิดว่าหลังจากผ่านเวลานั้นมา การเปลี่ยนแปลงก็ได้เกิดขึ้นกับฉัน รวมถึงอาชีพศิลปินของฉันด้วย ฉันตระหนักได้ว่าฉันมักจะเป็นคนที่ต้องการถอยห่างจากการเป็นป็อบสตาร์มาโดยตลอด ฉันคิดว่าอัลบั้มชุดนี้แสดงให้เห็นถึงคนที่ฉันเป็น และเป็นบทสำคัญในชีวิตของฉันค่ะ”
 

สำหรับเหตุผลที่ ‘Solar Power’ ทิ้งห่างจากอัลบั้มก่อนหน้า ‘Melodrama’ นานถึงสี่ปีนั้น Lorde เล่าว่า “อัลบั้มชุดนี้ใช้เวลาทำประมาณสองปี ตั้งแต่การแต่งเพลง บันทึกเสียง โปรดิวซ์ ฉันทำเกือบทั้งหมดด้วยตัวเองกับอีกคนหนึ่ง ฉันคิดทุกๆ อย่าง สร้างโลกทั้งใบขึ้นมา ร่วมกำกับมิวสิควิดีโอ ออกแบบสินค้าและทัวร์ มันเป็นกระบวนการที่เข้มข้นมาก จึงต้องใช้เวลาประมาณสองปี แต่ในขณะเดียวกัน ฉันต้องออกทัวร์เป็นเดือนสุดท้ายด้วย ฉันจบทัวร์ ‘Melodrama’ ในช่วงปลายปี 2018 และเริ่มแต่งเพลงในช่วงสองเดือนแรกของปี 2019 ที่มันใช้เวลานานเป็นเพราะฉันอยากให้มันเป็นการเปลี่ยนแปลงส่วนบุคคลระหว่างอัลบั้มค่ะ”
 

Lorde เปิดเผยถึงกระบานการที่เธอสนุกมากที่สุดในการทำอัลบั้ม ‘Solar Power’ ว่า “ฉันรักทุกๆ อย่างเกี่ยวกับการอยู่ในสตูดิโอค่ะ ฉันรักการแต่งเนื้อเพลง ฉันรักการบันทึกเสียง ฉันรักการโปรดิวซ์ด้วย บางครั้งเมื่อแต่งเนื้อเพลงเสร็จฉันก็จะเข้าไปบันทึกเสียงทันที แม้กระทั่งแต่งไปด้วยบันทึกไปด้วยก็มี เพราะงั้นสตูดิโอจึงเป็นส่วนที่ฉันชอบมากๆ สำหรับสิ่งที่ฉันกำลังทำอยู่ค่ะ” ปิดท้ายกันด้วยคำถามที่ว่า สิ่งที่เธอได้รับจากอัลบั้ม ‘Solar Power’ จนถึงตอนนี้คืออะไร ซึ่งเธอตอบว่า “มันอาจจะเร็วเกินไปสำหรับฉันที่จะรู้ได้นะคะ ฉันคิดมาตลอดว่าในการทำเพลงป็อบนั้น คุณเป็นคนสร้างมันขึ้นมาแค่ครึ่งเดียว ส่วนอีกครึ่งหนึ่งขึ้นอยู่กับว่าผู้คนจะมีปฏิกิริยากับมันอย่างไร ตอนนี้ฉันยังไม่รู้จนกว่าจะผ่านไปสักหนึ่งปีค่ะ”